“ดร.พิมพ์รพี” ชำแหละบทเรียนจากเงินกู้ 1 ล้านล้าน

รัฐสภา 9 มิ.ย. – “ดร.พิมพ์รพี” ชำแหละบทเรียนจากเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท หวังให้เงินกู้รอบใหม่เป็นการกู้เพื่อพยุงชาติ มีวัคซีนแก้ความยากจน แก้โรคระบาด แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ไม่ใช่การกู้เพื่อผลทางการเมือง


9 มิ.ย.64 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2565 ซึ่งมีการแบ่งแผนงานออกเป็น 3 ส่วน คือ แผนงานช่วยเหลือเยียวยาทั้งผู้ประกอบการและประชาชน 300,000 ล้านบาท แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 170,000 ล้านบาท และแผนงานสู้กับสงครามโควิด-19

ดร.พิมพ์รพี ระบุว่า ในส่วนแผนงานช่วยเหลือเยียวยานั้น ที่ผ่านมารัฐบาลโอนไว แจกเร็ว เบิกจ่ายเข้าเป้า แตกต่างจากงานด้านสาธารณสุขและการฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคม จึงมีความเป็นห่วงว่า หากไม่มีการถอดบทเรียนจาก พ.ร.บ.กู้เงิน 1 ล้านล้านที่ผ่านมา อาจจะทำให้เกิดปัญหาในภายหลังได้


โดยในช่วงปีเศษที่ผ่านมา เงินกู้ที่ใช้ในส่วนนี้เบิกจ่ายกันไปเพียง 26.03% เท่านั้น โดยเป็นการเบิกจ่ายไปแค่ 70,294.36 ล้านบาท จากวงเงินกู้ 2.7 แสนล้านบาท จึงต้องการให้รัฐบาลทบทวนวิธีการใช้เงินก้อนนี้ถึงปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงิน โดยต้องเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีคิดแบบรวมศูนย์จากราชการแล้วผ่องถ่ายไปที่ภาคเอกชน และให้ประชาชนมีส่วนร่วม

ทั้งนี้ ดร.พิมพ์รพี ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการอนุมัติโครงการโดยคณะกรรมการจากสภาพัฒน์ฯ ว่า ชื่อโครงการมีลักษณะซ้ำๆ เหมือนลอกกันมา หรือเพียงใส่แค่นามสกุลว่าฟื้นฟูเศรษฐกิจจากพิษโควิด-19 ก็ได้รับการอนุมัติแล้ว เพราะหากบริหารลักษณะนี้ ผู้ประกอบการรายเล็กและประชาชนจะไปต่อไม่ได้

ที่สำคัญคือ การจัดงบแบบมียุทธศาสตร์ที่แท้จริง ไม่ใช่มียุทธศาสตร์แค่บนหน้ากระดาษเท่านั้น เวลานี้การท่องเที่ยวพังทั้งระบบ ดังนั้น จึงต้องเร่งทุ่มงบไปให้เต็มที่ โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอี โดยให้คำนึงถึงผู้ประกอบการรายเล็กจริงๆ ไม่ใช่อิงอยู่กับความอยู่รอดของสถาบันการเงินเป็นหลัก หากยังไม่ปรับแนวคิดในเรื่องนี้ ก็เชื่อว่าจะมีเอสเอ็มอีล้มหายตายจากไปอีกมาก


งบด้านสาธารณสุข ได้มีการเตรียม “กระสุน” ไว้ให้นักรบชุดขาวไปสู้กับไวรัสร้าย 3 หมื่นล้าน แต่ที่ผ่านมาในการกู้เงินครั้งแรก ได้ตั้งงบส่วนนี้ไว้ 45,000 ล้านบาท แต่ปีกว่าผ่านไปมีการเบิกจ่าย 21.21% ขณะที่ทุกโรงพยาบาลรัฐขาดแคลนทุกอย่าง จนต้องขึ้นป้ายรับบริจาคกันเป็นแถว ในเมื่อรัฐบาลกู้มาแล้ว เหตุใดจึงไม่อัดฉีดลงไปสู่ระบบ ให้คนไทยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดี มีประสิทธิภาพ ยิ่งขณะนี้มีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมากขึ้น หมอบ่นกันแทบทุกวันว่าทุกอย่างกำลังตึงมือ ดังนั้นจะต้องเร่งจัดงบประมาณไปดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่

“จะน่าเศร้ามากนะคะ ถ้าวันหนึ่งเราต้องเข้าสู่ยุค หมอต้องเลือกให้ใครบางคนรอด และทิ้งให้ใครบางคนสิ้นลมหายใจไป เพียงแค่เราไม่จัดงบประมาณเพื่อซื้อเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยหนักอย่างเพียงพอ จะให้พี่ตูนมาวิ่ง ก้าวคนละก้าว จากเหนือลงใต้ จากใต้ขึ้นเหนือ เพื่อช่วยโรงพยาบาลต่างๆ คงไม่ไหว รัฐบาลจะทำตัวเป็นมือใหม่หัดขับไม่ได้ แต่ท่านต้องฟันธง ตรงประเด็น จัดงบประมาณดูแลเครื่องไม้เครื่องมือ รองรับการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ รวมถึงการจัดหาวัคซีนที่เพียงพอด้วย” ดร.พิมพ์รพี กล่าว

ส่วนเรื่องการกระจายวัคซีน ดร.พิมพ์รพี ระบุว่า มีลักษณะเหมือนจะมีแผน แต่สุดท้ายกลายเป็นแผล เพราะไม่ได้พูดความจริงกับประชาชน ไม่ยอมรับความผิดพลาด จนทำให้วันฉีดวัคซีนแห่งชาติ ในวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา กลายเป็นวันอลหม่านแห่งชาติ โกลาหลกันไปหมด สำหรับโรงพยาบาลต่างๆ บางแห่งมีวัคซีนฉีดได้วันเดียว ต้องประกาศเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด

“ดิฉันขอยกตัวอย่าง จ.กระบี่ ที่ขอวัคซีนไป 1.5 แสนโดส แต่มีการต่อรองเหลือ 5 หมื่นโดส ตอนนี้ให้มาแค่หมื่นห้า แล้วจังหวัดดิฉันจะให้ทำตามกติกาได้อย่างไร ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำจดหมายถึงท่านนายกฯ ขอปันส่วนไปเรื่อยๆ แล้ววันนี้แผนการต่างๆ ก็ยังไม่มา ถ้าใครรายงานท่านนายกฯ ว่ามาแล้ว ดิฉันขอแก้ไขด้วยว่ารายงานผิด ตอนนี้ผู้ว่าฯ เดือดร้อนมาก รู้ว่าของจะมา แต่ไม่รู้มาเมื่อไหร่ หมอทำงานไม่ได้”

สำหรับเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ดร.พิมพ์รพี ได้ขอบคุณรัฐบาลที่มีความก้าวหน้า สามารถเปิดอันดามันให้ได้ ในเรื่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นี้ สามารถเดินหน้าฉีดวัคซีนได้ 70% และ 1 ก.ค.นี้ จะเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ได้ จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะจัดสรรวัคซีนตามสัดส่วนและความจำเป็นตามยุทธศาสตร์ของประเทศให้สำเร็จให้ได้ ขณะที่วันที่ 1 ต.ค.นี้ จะเปิดอีก 10 จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่ง จ.กระบี่ ก็อยู่ในจำนวนนี้ จึงหวังว่าจะได้รับการจัดสรรวัคซีนได้ตามยุทธศาสตร์

“ดิฉันหวังให้การกู้เงินรอบนี้เป็นการกู้เพื่อพยุงชาติ วัคซีนนี้เป็นวัคซีนแก้ปัญหาความยากจน แก้โรคระบาด แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคม และไม่ใช่การกู้เพื่อผลทางการเมือง” ดร.พิมพ์รพี กล่าวในที่สุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย

เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก

ทำเนียบ 30 ก.ค.-โฆษกรัฐบาล เปิดภาพโรงพยาบาลไทยเสียหายหนัก หลังถูกกัมพูชาโจมตีด้วยอาวุธหนัก พร้อมประณามกัมพูชาละเมิดมนุษยธรรมร้ายแรง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ประณามการกระทำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาอย่างรุนแรง กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่เป็นสถานพยาบาลของไทยในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐานและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน พร้อมกันนี้นายจิรายุ ยังเปิดภาพโรงพยาบาลบางส่วนที่ได้รับความเสียหาย ได้แก่ โรงพยาบาลพนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คำโปรย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โคก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซำเม็ง “ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกจับตามองและประณามการกระทำดังกล่าว ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด โดยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่พลเรือ” โฆษกรัฐบาล ระบุ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. พบว่า จากการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชา ได้ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้ว 15 ราย ในพื้นที่จ.อุบลราชธานี และศรีสะเกษ บาดเจ็บสาหัส 12 […]

เหตุพลุระเบิด เสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 คน

สุพรรณบุรี 30 ก.ค. – เหตุพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย ที่โรงพยาบาล รวมเสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 1 ราย สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย คืบหน้าเหตุพลุระเบิดที่จังหวัดสุพรรณบุรี ล่าสุด พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผู้บังคับการภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 9 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ขณะนี้ได้สั่งการตั้งศูนย์ ศปก. ที่วัดโพธิ์ท่าทราย ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประสานชุด EOD เข้าเก็บกู้ดินปืน เนื่องจากตรวจสอบพบหลุมขนาดใหญ่สีดำจำนวน 2 หลุม และดินปืนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังพบร่างผู้เสียชีวิต ชิ้นส่วนจำนวนหนึ่งบริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อมูลการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังนี้มีการลักลอบผลิตพลุไล่นก.-สำนักข่าวไทย