ทำเนียบรัฐบาล 9 มิ.ย.-เลขาฯสมช. ระบุไม่ใช่อปท.ทั้งหมดที่จัดซื้อวัคซีนเองได้ แต่ต้องเป็นพื้นที่ระบาด เศรษฐกิจสำคัญ พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต้องมีเหตุผลจำเป็นรองรับ ซื้อผ่านหน่วยงานรัฐที่กำหนด ย้ำการจัดหาต้องเหมาะสม ไม่ให้ล้นจนเหลือ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ในฐานะผอ.ศปก.ศบค. ชี้แจงแนวปฏิบัติตามประกาศศบค. ฉบับล่าสุด ที่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) สถานพยาบาลเอกชน และภาคเอกชน สามารถจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตได้ ว่า กรณีภาคเอกชนที่ต้องการจัดหาวัคซีนเอง ซึ่งขณะนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นมียอดผู้ต้องการวัคซีน 3-5 ล้านคน สามารถติดต่อซื้อได้ผ่านหน่วยงานที่รัฐกำหนดไว้ เพราะในการทำสัญญาจองซื้อวัคซีนแต่ละบริษัท จะใช้คำว่า one nation one contact ทำให้ผู้ที่จะซื้อวัคซีนต้องผ่านหน่วยงานที่รัฐกำหนดเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าวัคซีนดังกล่าวจะจัดสรรให้เอกชนได้เมื่อใด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัคซีนของ ซิโนฟาร์ฒและโมเดอร์นา
“สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องการจัดซื้อวัคซีนเอง ต้องแสดงความจำนงยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้เป็นผู้พิจารณา จากนั้นจะส่งให้ ศบค.พิจารณาอีกครั้ง โดยแต่ละหน่วยงานที่จัดซื้อต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ คือ พื้นที่ระบาด พื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหรือพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ต้องมีเหตุผลรองรับความจำเป็นที่เหมาะสม จึงหมายความว่าไม่ใช่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งจะจัดซื้อวัคซีนเองได้ทั้งหมด เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณมาซื้อวัคซีน จนไม่สามารถบริหารจัดการงบประมาณ เพื่อใช้ดูแลท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” เลขาธิการสมช. กล่าว
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การจัดสรรวัคซีนของรัฐบาล เพื่อคนไทยที่มีประมาณ 60-70 ล้านคน และชาวต่างชาติในประเทศประมาณ 2.6 ล้านคน ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวัคซีนล้นหรือเหลือเกินความต้องการ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่สามารถระบุจำนวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยที่ต้องการฉีดวัคซีนที่แน่นอน เพื่อนำมาคำนวณปริมาณการจัดซื้อที่เหมาะสมได้ ส่วนการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐที่เตรียมจัดขึ้นในจังหวัดขอนแก่นปลายเดือนนี้ เลขาธิการสมช. กล่าวว่า ณัฐพล การพิจารณาอนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด ซึ่งหากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามมายังศบค.ได้.-สำนักข่าวไทย