ทำเนียบรัฐบาล 8 มิ.ย. -นายกฯ เผย ครม.อนุมัติเงินกู้แก้โควิด ยันจะใช้งบให้เกิดประสิทธฺภาพสูงสุด สำรองไว้กว่าหมื่นล้านสำหรับช่วยค่าน้ำค่าไฟประชาชน ย้ำดูแลประชาชนทุกคน ทุกจังหวัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติเงินกู้ตามพ.ร.ก.เงินกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ ใช้บริการตรวจคัดกรองและดูแลผู้ป่วยโควิด -19 เช่น ชุดตรวจโควิดแบบพกพา เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด เครื่องช่วยหายใจ รถพยาบาล อุปกรณ์ช่วยชีวิตขั้นสูง
“ยืนยันว่าจะใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปัจจุบันสถานการณ์เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท อนุมัติงบประมาณไปแล้ว 984,000 ล้านบาท เบิกจ่ายไปแล้วกว่าร้อยละ 73 และยังคงเหลือเงินกู้อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท ซึ่งจำเป็นต้องเก็บไว้ส่วนหนึ่งเพื่อสำรองลดค่าน้ำค่าไฟให้ประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งบประมาณที่มีอยู่จะใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และย้ำในที่ประชุมครม.ตลอดให้ระมัดระวังเรื่องการทุจริต และบางสิ่งที่เข้ามา ความไม่โปร่งใส ไม่เป็นธรรม ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลและครม.มีหน้าที่อนุมัติหลักการรายการดำเนินการใช้จ่ายเงิน แต่ในส่วนของการ ใช้เงินเป็นเรื่องของคณะกรรมการต่าง ๆ เป็นผู้รับผิดชอบ ตนรับผิดชอบในฐานะที่เป็นหัวหน้าเป็นฝ่ายบริหาร ก็รับผิดชอบตามลำดับชั้นของตนไป
“ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ละเว้นใครแม้แต่คนเดียว จะทำให้ได้มากที่สุดและทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะคนรักคนชอบ ผมไม่ได้ทำงานแบบนั้น มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ผมโกรธเคืองใครไม่ได้ ขอให้ระมัดระวังความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น ทำให้บ้านเมืองไม่มีเสถียรภาพ และทำให้การทำงานต่าง ๆ เดินไปไม่ได้ ขอให้รับฟังการชี้แจงการใช้จ่ายงบประมาณต่าง ๆ ในลำดับชั้นกรรมาธิการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีงบประมาณบางส่วนที่แปรญัตติมาแล้ว จะนำมาดำเนินการในการบริหารให้เพิ่มมากขึ้นในหน่วยงานที่ลดน้อยลงตามความจำเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบต่อไป ขอกำลังใจให้ข้าราชการทุกคนที่ทำงานกันอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม.
“เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เศรษฐกิจในภาพรวมการส่งออกมหภาคยังดีอยู่ การส่งออกมากขึ้นในปัจจุบัน และสถานการณ์ในหลายประเทศฟื้นฟูบ้างแล้ว จากการประเมินของหน่วยงานต่างประเทศว่าในปี 2565 หลายอย่างจะดีขึ้นในทุกภูมิภาค จึงต้องเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างท้าทาย ให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ และต้องหวังพึ่งเศรษฐกิจของประเทศรอบบ้านซึ่งมีสถิติสูงขึ้นกว่า 20% ถ้า 500,000 ล้านบาทในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าไว้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท สำหรับเศรษฐกิจชายแดน แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รอบประเทศด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว .-สำนักข่าวไทย