สนง.ตรวจเงินแผ่นดิน 7 มิ.ย.-“ศรีสุวรรณ” ร้องสตง.สอบทีโออาร์ประมูลรถไฟทางคู่ขนานสายเหนือ – อีสาน ชี้เอื้อประโยชน์ 5 บริษัทใหญ่ ทำให้รัฐเสียประโยชน์ เตรียมยื่น ป.ป.ช. สอบต่อ
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือขอให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจสอบการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ขนาน ของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย 2 เส้นทาง รวมระยะทาง 678 กิโลเมตร วงเงินกว่า 127,605 ล้านบาท แบ่งเป็น เส้นทางสายเหนือ ช่วงเด่นชัย – เชียงราก-เชียงของ ระยะทาง 232 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท และเส้นทางสายอีสาน ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร มูลค่าก่อนสร้าง 54,684 ล้านบาท
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าการประมูลครั้งนี้พบพิรุธการจัดทำทีโออาร์ในลักษณะล็อกสเป็ก เอื้อผู้ประกอบการรายใหญ่ 5 รายเท่านั้นให้เข้าสู่การประมูล ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางเข้าร่วมการประมูล ไม่สามารถแข่งขันให้ราคาถูกลง ส่งผลให้รัฐเสียประโยชน์นับหมื่นล้านบาท หากเทียบกับเส้นทางรถไฟในพื้นที่ภาคใต้ ในปี 2560 ที่เขียนทีโออาร์ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางสามารถเข้าร่วมการประมูล จึงมีผู้เข้าร่วมประมูลมาก ทำให้รัฐได้ราคาถูกลง ประหยัดงบประมาณประมาณ 2-3 พันล้านบาท การที่ทีโออาร์ล็อกสเป็กให้เฉพาะ 5 บริษัทใหญ่ คือกำหนดให้บริษัทที่สามารถจะเข้าร่วมประมูลงานได้ต้องผ่านงานโครงการของรัฐร้อยละ 10 หรือไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ของมูลค่าโครงการ จึงทำให้ได้ราคาประมูลใกล้เคียงกับราคากลางที่กรมบัญชีกลางกำหนด เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล จึงมายื่นเรื่องต่อ สตง.ให้ตรวจสอบการจัดทำทีโออาร์ ว่าเอื้อต่อบริษัทใดหรือไม่
“สิ่งที่ผมได้รับรู้ข้อมูลมาก่อนหน้านี้คือก่อนจะเปิดประมูล มีผู้กว้างขวางในจังหวัดบุรีรัมย์เรียกผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้ง 5 บริษัทไปพูดคุยตกลงกัน และจัดสรรปันส่วนแบ่งเค้กก่อน ในที่สุดผลประมูลออกมาทั้ง 5 บริษัทชนะการประมูลรวม 5 สัญญาไปคนละสัญญา ผมคิดว่าการประมูลครั้งนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.ฮั้วประมูลชัดเจน จึงต้องร้องต่อสตง.ตรวจสอบว่าการทำทีโออาร์หรือการเขียนทีโออาร์ในลักษณะนี้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นการเฉพาะหรือไม่ ทำให้ผลประโยชน์ของประเทศชาติเสียหาย” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากผลการตรวจสอบพบมีความผิดตามที่ร้อง จะนำไปสู่การยกเลิกประมูลและจัดทำทีโออาร์และจัดการประมูลขึ้นใหม่ ทั้งนี้ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่เคยออกมาให้ข้อมูลก่อนหน้านี้แล้วว่ามี 5 บริษัทไปตกลงกับผู้กว้างขวางของจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าจะจัดสรรปันส่วนให้ได้คนละสัญญา เมื่อเปิดซองประมูลทั้ง 2 สายก็ตรงตามที่นพ.ระวีให้ข้อมูล ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะนำเอกฐานหลักฐานไปยื่นต่อกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนเอาผิดบุคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย