ป.ป.ช. วันนี้ (4มิ.ย.) ป.ป.ช. ประสานสหรัฐสอบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวสินบนคดีภาษีนำเข้ารถโตโยต้าพรีอุส
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า กรณีปรากฎข่าว บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ได้รายงาน ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และกระทรวงยุติธรรมประเทศสหรัฐอเมริกา ว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทลูกแห่งหนึ่งของโตโยต้าในประเทศไทย อาจละเมิดกฎหมายต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา Foreign Corrupt Practices Act (FCPA) อีกทั้งเว็บไซต์ Law360 ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข่าวและวิเคราะห์ด้านกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลกรณีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ได้มีการสอบสวนภายในกรณีบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย อาจกระทำละเมิดกฎหมาย โดยระบุข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีการจ่ายเงินไปยังบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือบริษัทที่ปรึกษาต่างๆ และเงินดังกล่าวก็ถูกส่งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในรูปคดี อันเกี่ยวข้องกับคดีภาษีนำเข้ารถยนต์พรีอุสคิดเป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 10,958,500,000 บาท
และเว็บไซต์ดังกล่าว ได้เปิดเผยรายชื่อผู้พิพากษาระดับสูงของไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับเงิน ตามที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้นั้น ตามกฎหมาย Foreign Corrupt Practices Act (FCPA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีทั้งบทบัญญัติที่เกี่ยวกับความผิดทางบัญชีในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่เหมาะสม และความผิดทางอาญา เรื่องการให้สินบนเจ้าหน้าที่รัฐต่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานของประเทศสหรัฐอเมริกาจะดำเนินคดีสินบนข้ามชาติในลักษณะของการบูรณาการทำงานร่วมกัน
“กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มอบหมายให้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานกับหน่วยงานของประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิดโดย ป.ป.ช.ได้มีการประสานงานกับทางการประเทศสหรัฐอเมริกาในคดีทุจริตอื่นๆ อยู่แล้ว” นายนิวัติไชย ระบุ
ทั้งนี้หากปรากฏข้อมูลและพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด ซึ่งอยู่ในหน้าที่และอำนาจของ ป.ป.ช. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต 2561 หรือหน่วยงานใดมีข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถส่งให้ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจได้ .-สำนักข่าวไทย