ทำเนียบฯ 4 มิ.ย.-ศบค. ห่วงพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เฝ้าติดตามคลัสเตอร์ต่างๆ ใกล้ชิด พร้อมยืนยันการฉีดวัคซีน ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า วันนี้ที่ประชุม ศปก.ศบค. ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังจังหวัดปริมณฑล โดยจังหวัดปทุมธานี รายงานผู้ติดเชื้อบริษัทชำแหละไก่ อ.ลำลูกกา จากการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 1,626 ราย พบติดเชื้อ 729 ราย นอกจากนี้ยังมีคลัสเตอร์ ตลาดสี่มุมเมือง ที่มีแรงงานชาวเมียนมา กัมพูชา และ ลาว โดยลงตรวจไปแล้วตั้งแต่ 7 พ.ค.- 2 มิ.ย.จำนวน 22,412 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1,569 ราย และในวันนี้(4 มิ.ย.)จังหวัดปทุมธานียังลงพื้นที่ตรวจแคมป์คนงาน ชุมชน และตลาดเคหะบางกระดี
ขณะที่ จ.สมุทรปราการ พบติดเชื้อ 196 ราย โดยมีผู้เดินทางจากนอกพื้นที่ด้วย และยังเฝ้าระวังโรงงานอุตสาหกรรมฟอกหนัง ด้วยวิธีการค้นหาเชิงรุก 145 ราย พบผู้ติดเชื้อ 27 ราย ส่วนในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ส่งออก ตรวจหาเชื้อ 186 ราย ผู้ติดเชื้อ 5 ราย เป็นคนงานที่พักอาศัยอยู่ในโรงงานดังกล่าว และพบว่ายังเชื่อมโรงกับโรงงานปลากระป๋อง ที่บางปูด้วย นอกจากนี้ยังมีการค้นหาเชิงรุกภายในคอนโดมิเนียมที่จะต้องตรวจสอบให้ครบภายในสัปดาห์นี้ด้วย
ส่วนจังหวัดเพชรบุรี กรณีโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกระจายไปแล้ว 11 จังหวัด ซึ่งกรมควบคุมโรคเป็นห่วงโรงงานต่างๆ เพราะจากการสอบสวนโรคพบว่า สภาพแวดล้อมแออัด คนงานใช้ชีวิตรวมกลุ่ม รับประทานอาหารร่วมกัน กินน้ำแก้วเดียวกัน คล้ายกับแคมป์คนงานก่อสร้าง มีการพบเชื้อที่ตู้กดน้ำรวม และสูบบุหรี่มวนเดียวกัน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. ย้ำเตือนมาตรการ และจะทำหนังสือไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด เน้นย้ำให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในโรงงาน สถานประกอบการ หากตรวจพบเชื้อให้แยกกักในสถานที่เหมาะสม เพื่อให้กิจการดำเนินต่อไปได้ แต่อาจจะต้องปิดทำความสะอาด 2-3 วัน
ส่วนพื้นที่ กทม. มีการติดตามเขตบางกะปิ ที่มีชุมชนอยู่กันอย่างหนาแน่น รวมทั้งตลาด ห้างสรรพสินค้า และแคมป์คนงานก่อสร้าง โดยกรมควบคุมโรคเน้นย้ำมาตรการส่วนตัว ให้มีการเฝ้าระวังตามมาตรการเว้นระยะห่าง ไม่ไปอยู่ในสถานที่แออัด ไม่ควรอยู่รวมกลุ่มกันเกิน 20 คน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับเขตลาดพร้าว ที่มีการตรวจคัดกรองเชิงรุก เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ขอให้ประชาชนที่ยังไม่ทราบผลการตรวจคัดกรองเชิงรุก ขอให้ลดการเดินทาง สัมผัสผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยในครอบครัว และกักกันตัวเองในระหว่างรอผล นอกจากนี้ที่ประชุม ยังพูดคุยถึงข้อร้องเรียนของประชาชน เรื่องการจัดสรรวัคซีน โดยยืนยันว่า วันที่ 7 มิถุนายนนี้ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับการฉีดวัคซีนตามที่นัดหมายไว้พร้อมกันทั่วประเทศ พร้อมยืนยัน มีวัคซีนเพียงพอตามแผนแน่นอน และจะมีการจัดสรรวัคซีนในส่วนของเดือนมิถุนายน 5-6 ล้านโดสให้ทั่วถึงและเป็นธรรม โดยจะปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์แต่ละพื้นที่.-สำนักข่าวไทย