รัฐสภา 2 มิ.ย.-3 รัฐมนตรี แจงงบปี 65 อวดผลงานกลางสภาฯ ช่วงโควิด เร่งแก้ปัญหาทั้งพาณิชย์-การศึกษา-ท่องเที่ยว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 วาระแรก ว่า แม้สินค้าพืชผลการเกษตรสำคัญ 5 ชนิดทั้งข้าว มัน ยางปาล์มขาวโพดราคาตกลง ยังมีตัวช่วยสำคัญคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกร เข้ามาช่วยให้เกษตรกรสามารถยังชีพต่อไปได้ แต่เมื่อพิจารณาผลงาน เช่น การขายผลไม้ ที่ผ่านมาพบว่าสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก ส่วนกรณีที่พบปัญหาการลักลอบนำเข้าผลิตผลจากต่างประเทศ ยืนยันว่ารัฐบาลได้สั่งการเร่งแก้ไขทันที และให้ถือเป็นนโยบายสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้การลักลอบนำเข้าพืชเกษตรเพื่อนบ้านเข้ามามีผลกระทบกับราคาพืชเกษตรของคนไทย
น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรับลดลงกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ว่า เป็นเพราะงบอุดหนุนรายหัวของนักเรียนลดลงตามอัตราจำนวนประชากร ภายใต้งบประมาณที่ลดลง กระทรวงศึกษาเน้นคุณภาพของผู้เรียน ลดภาระไม่จำเป็น รวมถึงนำเทคโนโลยีบริหารจัดการการศึกษาทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดภาระทางงบประมาณ ทั้งนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลเตรียมยกระดับคุณภาพของสถาบันศึกษา ทั้งโรงเรียนดีประจำตำบล โรงเรียนดีสี่มุมเมือง และโรงเรียนสแตนอโลน เพื่อนำงบประมาณจัดสรรให้เยาวชนและผู้เรียนเข้าถึงการศึกษาได้มากที่สุด และจัดสรรงบเพื่อดูแลสถานศึกษาได้ทั่วถึง
“สำหรับการเปิดเทอมในสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 มอบหมายให้เขตพื้นที่การศึกษา รวมถึงผู้อำนวยการศึกษาดูให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภายใต้ความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง เช่นจัดการเรียนการสอนที่มากกว่า 1 รูปแบบ ทั้งเรียนเรียนปกติ เรียนออนไลน์ เรียนผ่านระบบออนแอร์ และมีการพัฒนาครูผ่านระบบครูพร้อม ซึ่งกระทรวงศึกษาฯ มีมาตรการและความพร้อมป้องกันโควิด โดยมีวอร์รูมของกระทรวง สนับสนุนการเรียนการสอนของผู้ปกครองและนักเรียน เพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์โควิด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าว
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงผลงานกระทรวงว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด ได้ทำภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ต้องฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ร้อยละ 70 ภายในเดือนมิถุนายนนี้ คาดว่าจะเดินหน้าได้แน่นอน และโครงการต่อไป ในวันที่ 1 ตุลาคมจะเปิดแหล่งท่องเที่ยวใน 10จังหวัด โดยไม่กักตัว ได้แก่ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ ประจวบคิรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และบุรีรัมย์ เพราะพบว่าใน 10 จังหวัดมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ในปี 2562 ถึง 1.5 ล้านล้านบาท โดยจะประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนำร่อง ได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2564
“ส่วนการกระตุ้นการท่องเที่ยว เร็ว ๆ นี้ จะมีโครงการทัวร์เที่ยวไทย โดยเตรียมประกาศหลังการแพร่ระบาดสิ้นสุดลง 1 ล้านคน จัดการท่องเที่ยวโดยบริษัททัวร์ มีมัคคุเทศก์ประจำรถ เพื่อส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวให้หมุนเวียน และเกิดการท่องเที่ยววันธรรมดาทั้งนี้ โครงการกำลังใจและโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ดำเนินการแล้ว ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ กว่า 6.1 หมื่นล้านบาท ขณะที่รัฐบาลสนับสนุนเงิน ไปเพียง 9,320 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย