ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ 31 พ.ค.-นายกฯ ตรวจความพร้อมสถานที่บริการฉีดวัคซีนนอกรพ.ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ย้ำ เปิดช่องทางให้ประชาชนจองฉีดวัคซีนทั่วถึง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมสถานที่บริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซึนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ณ เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน โดยมีพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมืองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และผู้กี่ยวข้องต้อนรับ
สำหรับสถานที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 นอกโรงพยาบาล หรือ “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นความร่วมมือระหว่างกรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อทดสอบระบบการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอนต่าง ๆ อาทิ จุดนั่งพักคอยก่อนลงทะเบียน จุดลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนตัว เพื่อทำบัตรเข้ารับการฉีดวัคซีน จุดวัดความดัน เพื่อเช็คความพร้อมของร่างกาย จุดคัดกรองประวัติ จุดฉีดวัคซีน จุดสังเกตุอาการเป็นระยะเวลา 30 นาที และออกหนังสือรับรองการฉีดวัคซีน โดยตั้งเป้าหมายให้บริการฉีดวัคซีนจำนวน 2,500-3,000 คนต่อวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. กลุ่มผู้เข้ารับการบริการฉีดวัคซีนจะเป็นกลุ่มบุคลากรด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติงานควบคุมการแพร่ระบาดของโรคและกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยงที่มีโอกาสสัมผัสกับคนจำนวนมาก ซึ่งลงทะเบียนกับสำนักอนามัย กทม.ไว้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับบุคลากรและประชาชนที่เข้ามารับการฉีดวัคซีน โดยขอให้ทุกคนอย่าตื่นเต้น เพราะจะส่งผลต่อระบบความดัน ยืนยันว่าตนก็ฉีดแล้ว ไม่มีผลอะไร และขณะนี้วัคซีนได้ฉีดให้กับประชาชนในหลายประเทศ พบว่ามีความปลอดภัย แม้บางคนจะมีอาการชาก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพยายามเปิดช่องทางให้ประชาชนลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงมากที่สุด เพราะนอกจากกลุ่มผู้อายุเกิน 60 ปี และกลุ่ม 7 โรคเสี่ยง ผ่านแอปพิเคชันหมอพร้อมแล้ว รัฐบาลจะต้องเปิดให้กับกลุ่มที่ต้องได้รับวัคซีนเร่งด่วนด้วย เช่น ผู้ที่ต้องให้บริการประชาชน ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนโควิด-19 เต็มที่ โดยจะมีวัคซีนเข้ามาในระบบอย่างต่อเนื่อง และเพียงพอกับประชาชนทุกคน ไม่ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข
“ยืนยันว่าวัคซีนที่เรามีเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ วัคซีนในรอบของเดือน มิ.ย.เราได้มาแล้ว บางส่วนต้องรอการตรวจสอบ ไม่สามารถนำมาใช้ทันที ไม่ว่าจะได้วัคซีนยี่ห้ออะไรมาก็ต้องกระจายให้ประชาชนให้ทั่วถึง ขอให้มั่นใจในการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ทำอย่างเต็มที่ และอยากให้เข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น รัฐบาลบริหารจัดการวัคซีนให้คน 50 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่พยายามทำให้ดีที่สุด จึงต้องทำทุกอย่างให้เป็นขั้นตอนและคำนวนวัคซีน เพื่อกระจายให้ทุกจังหวัด ทั้งพื้นที่กลุ่มเสี่ยง จึงขอให้เข้าใจในภาพรวม แต่ยอมรับว่าอาจมีปัญหาเรื่องวัคซีนที่อาจมาช้า มาเร็ว ขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนของบริษัทผู้ผลิต ซึ่งแม้ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว แต่ไม่ได้ป้องกันทั้งหมด จึงขออย่าเข้าไปในพื้นที่อโคจร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครร่วมมือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเครือข่าย ได้เปิด “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” นอกโรงพยาบาล เพื่อทดสอบระบบการให้บริการแล้ว 14 แห่ง ประกอบด้วย 1 เซ็นทรัล ลาดพร้าว ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี 2. สามย่านมิตทาวน์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬา 3. เดอะมอลล์ บางกะปิ ร่วมกับโรงพยาบานพรัตนราชธานี 4. บิ๊ก บางบอน ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก 5. สยามพารากอนร่วมกับโรงพยาบาลกรุงเทพ 6. เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า ร่วมกับโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
7.โลตัสมีนบุรี ร่วมกับโรงพยาบาลเครือบางประกอก และ 8. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับโรงพยาบาลกลาง 9. ศูนย์การค้า เอเชียทีค เคอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ร่วมกับโรงพยาบาลบางปะกอก 1 10. มหาวิทยาลัยศรีปทุม ร่วมกับโรงพยาบาลตากสิน 11. ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ร่วมกับโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล 12.ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียมร่วมกับโรงพยาบาลสมิติเวช 13.ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม และ 14 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยกทม.จะเร่งขยายสถานที่ฉีดนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่งทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน.-สำนักข่าวไทย
