ศบค.เผยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,713 ราย

ทำเนียบ วันนี้  (24 พ.ค. )   ศบค. เผยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19  รายใหม่ 2,713 ราย “กทม.- เพชรบุรี”พบผู้ติดเชื้อสูง  จับตาคลัสเตอร์ในจังหวัดสมุทรปราการ  ขณะที่เรือนจำแนวโน้มดี ผู้ป่วยลดลง


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์  ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19  (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้  ว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,713 ราย  แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 2,507 ราย  จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 206 ราย  พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 132,213 ราย  รักษาหายป่วยเพิ่ม 1,565 ราย  สะสม 86,100 ราย กำลังรักษาอยู่ 45,307 ราย  แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 18,753 ราย  และโรงพยาบาลสนาม 26,554 ราย  เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1,169 ราย  ใส่เครื่องช่วยหายใจ 406 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย  รวมเสียชีวิต 806 คน

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 2,713 ราย  เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,147 ราย  จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 1,311 ราย  จากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 206 ราย  และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 49 ราย


สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 30 ราย  อยู่ใน กทม. 11 ราย  นครราชสีมา ราชบุรี  จังหวัดละ 3 ราย สมุทรสาคร  สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 ราย  ปทุมธานี สกลนคร ตาก อยุธยา เชียงราย สุรินทร์ ชัยภูมิ นนทบุรี ชัยนาท จังหวัดละ 1 ราย  โรคประจำตัว  ความดันโลหิตสูง เบาหวาน  ยังเป็นปัจจัยหลักเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค  ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19  จากการสัมผัสผู้ติดเชื้อที่เป็นคนในครอบครัว  อายุค่ากลาง 67 ปี  อายุน้อยสุด 28 ปี  อายุมากสุด 105 ปี  รักษานานที่สุด 35 วัน และมี 7 คนเสียชีวิตในสัปดาห์แรก  และบางคนไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ  พอพบว่าติดเชื้อทำให้อาการแย่ลง

แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19  รายใหม่  ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 24 พ.ค. 2564  จากระบบเฝ้าระวังยังมีแนวโน้มคงตัว   จากการคัดกรองเชิงรุกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ส่วนในเรือนจำและที่ต้องขังมีแนวโน้มลดลง

ผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศวันนี้  ผู้ติดเชื้อมาจากอินเดีย 6 ราย  เป็นคนไทยทั้งหมด  เป็นการเดินทางกลับบ้าน   คนไทยในกัมพูชาขอเดินทางกลับไทยเยอะขึ้น ทำให้พบเยอะขึ้น วันนี้เพิ่ม 41 ราย  แต่ยังมีพบการลักลอบเข้ามา  โดยพบจำนวน 2 ราย  ส่วนที่เหลือเข้ามาถูกต้อง  การลักลอบเข้าประเทศยังคงมีอยู่ ในระดับไม่ต่ำกว่า 100 ราย  วานนี้ พบ 105 ราย  โดยเฉพาะฝั่งเมียนมามากที่สุด 57 ราย  และจะมีความเข้มงวดมากขึ้นในการลักลอบเข้าประเทศ  รวมถึงการสืบสวนตั้งแต่ต้นทาง ถึงปลายทาง  เช่น  โรงงาน, ผู้อำนวยความสะดวก ให้กลุ่มผู้ลักลอบเข้ามาจะมีการดำเนินการทางกฎหมายเด็ดขาด


สถานการณ์ในประเทศ   ในพื้นที่ กทม. จังหวัดเพชรบุรี  ยังคงพบผู้ป่วยเพิ่มสูง   จังหวัดสมุทรปราการ  มีการพบคลัสเตอร์ในคอนโดฯ แห่งหนึ่ง  ซึ่งพบผู้ป่วยแล้ว  81 ราย กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนและสรุปข้อมูลเพิ่ม  แนวโน้มในหลายจังหวัดดีขึ้น  และในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล  จำนวนผู้ป่วยอาการหนักและที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจยังคงตัว  ส่วนจังหวัดอื่นจำนวนผู้ป่วยอาการหนักยังคงตัว  ส่วนที่ต้องใส่เครื่องช่วยยหายใจมีจำนวนลดลง

ส่วน 10 อันดับ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ   วันนี้  คือ 1. กรุงเทพมหานคร  951 ราย  2. เพชรบุรี 669 ราย   3. สมุทรปราการ 180 ราย   4. ชลบุรี 106 ราย   5. นนทบุรี 92 ราย  6. สมุทรสาคร 43 ราย   7. ปทุมธานี 38 ราย   8. สงขลา 36 ราย   9. ระนอง 30 ราย  10. นครปฐม 28 ราย

ทั้งนี้พบ 27 จังหวัด ที่ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มในวันนี้  คือ ขอนแก่น, พัทลุง, พิษณุโลก, ลำพูน, กระบี่, ลำปาง, อ่างทอง, สุรินทร์, เพชรบูรณ์, กำแพงเพชร, นครพนม, น่าน, ชุมพร, กาฬสินธุ์, พะเยา, เลย, แพร่, อุตรดิตถ์, ชัยนาท, หนองคาย, พังงา, อำนาจเจริญ, แม่ฮ่องสอน, มุกดาหาร, อุทัยธานี, บึงกาฬ, สตูล  และหากเอาสีเขียวกับสีขาวรวมกัน จำนวนผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 10 ราย  พบถึง 55 จังหวัด   ส่วนสีแดงพบผู้ติดเชื้อเกิน 100 ราย คือ กรุงเทพมหานคร เพชรชบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี

สำหรับปัจจัยเสี่ยง 3 อันดับแรก  คือ 1.ผู้สัมผัส 33%  2.ในเรือนจำและที่ต้องขัง 25%  3.ชุมชน พื้นที่เสี่ยง แออัด 13%   ในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่ตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. – 23 พ.ค. 2564  มาจากการสัมผัสผู้ป่วย  สัมผัสใกล้ชิดกันในครอบครัว ที่ทำงาน  การติดเชื้อในชุมชน  พื้นที่เสี่ยง แออัด ติดเชื้อในเรือนจำและที่ต้องขัง

ส่วนผู้ติดเชื้อโควิด-19  ระลอกเดือนเมษายน เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 2564 เป็นต้นมา พบผู้ติดเชื้อแล้ว 103,350 ราย  เป็นผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการ 65,199 ราย ตรวจพบจากการค้นหาคัดกรองเชิงรุก 18,033 ราย  เรือนจำ/ที่ต้องขัง 15,819 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ 485 ราย  หายป่วยสะสม 58,674 ราย  เสียชีวิตสะสม 712 ราย

ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก  ยอดผู้ติดเชื้อรวม 167,518,744 ราย  อาการรุนแรง 96,937 ราย  รักษาหายแล้ว 148,531,144 ราย  เสียชีวิต 3,478,243 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด  1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 33,896,660 ราย   2. อินเดีย จำนวน 26,751,681 ราย  3. บราซิล จำนวน 16,083,573 ราย    4.ฝรั่งเศส จำนวน 5,603,666 ราย     5. ตุรกี จำนวน 5,186,487 ราย     โดยประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 87 จำนวน 132,213 ราย .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

EOD ลุยค้นหาจรวด หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง

13 ส.ค. – EOD ลุยค้นหา-เก็บกู้จรวดในพื้นที่บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ หลังชาวบ้านแจ้งเจอต่อเนื่อง ขณะที่คณะ ICRC ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบเหตุปะทะ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด EOD ลงพื้นที่ตรวจสอบไร่ยางพาราของชาวบ้านและอีกหลายจุด ในเขต ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบหลุมต้องสงสัยอยู่ในที่ดินของตัวเอง จากการตรวจสอบพบสะเก็ดระเบิด และอีกหลายจุดพบเป็นหลุมคล้ายหลุมจรวด BM21 ที่ตกลงมา เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และต้องใช้ความระมัดระวัง ขณะที่ชาวบ้านที่เพิ่งเข้ามาอยู่บ้าน ยังไม่มั่นใจกับสถานการณ์ โดยเฉพาะหลังมีทหารเหยียบทุ่นระเบิดเป็นรายที่ 5 EOD เร่งตรวจสอบ–กู้ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ชายแดน ส่วนที่ศรีสะเกษเจ้าหน้าที่ EOD สนธิกำลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพบกระสุนปืนใหญ่ตกในเขต ต.เสาธงชัย และ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดน เบื้องต้นพบ 7 จุด บริเวณสวนยางพาราและใกล้เขตชุมชน โดยส่วนใหญ่เป็นลูกกระสุนปืนใหญ่ขนาด 100 มิลลิเมตร เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดตรวจพิสูจน์ พบว่าหลายลูกระเบิดไปแล้ว เหลือเพียงเศษซาก และยังพบอีก 1 จุดในพื้น […]

อึ้งพระอยู่กับสีกา เปิดบนรถเจอกองทิชชูใช้แล้ว

สกลนคร 13 ส.ค. – วงการผ้าเหลืองฉาวอีก ตำรวจตรวจรถเก๋งคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทาง พบพระกับสีกาอยู่ด้วยกัน 2 ต่อ 2 คุยไปคุยมา สุดท้ายไปจบที่ลาสิกขา หลังตำรวจ สภ.ขมิ้น จ.สกลนคร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน พบรถเก๋งต้องสงสัยสีดำ จอดผิดปกติบริเวณ ริมคลอง บ.พาน ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร เมื่อเข้าไปตรวจสอบ ตำรวจต้องอึ้ง เมื่อเจอพระอยู่กับสีกา 2 ต่อ 2 ในรถ ต่อมาทราบว่า คือ พระชัยณรงค์ อายุ 53 ปี สังกัด วัดแห่งหนึ่ง อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ จึงเชิญตัวไปยังวัดใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อทำพิธีลาสิกขา และนำตัวมาตรวจปัสสาวะ ผลไม่พบสารเสพติด แต่รถที่พระเเละสีกาดังกล่าวอยู่ด้วยกัน พบเป็นรถที่ถูกสวมทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ คืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยัง สภ.ขมิ้น พบรถเก๋งคันดังกล่าวจอดอยู่บริเวณสถานที่เก็บของกลาง กระจกด้านข้างและด้านหลังติดฟิล์มดำสนิท แต่ด้านหน้าฟิล์มใสมองเห็นถึงภายใน ที่เบาะนั่งข้างคนขับ ยังพบกองจีวรของทิดชัยณรงค์ […]

สถานการณ์ชายแดนสุ่มเสี่ยงปะทะรอบ 2

สุรินทร์ 13 ส.ค. – กระแสข่าวจากหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่าระยะ 2 วันนี้ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จะเพิ่มความตึงเครียด สุ่มเสี่ยงที่จะมีการปะทะรอบ 2 ฝ่ายปกครอง จ.สุรินทร์ จึงแจ้งเตือนไปยังกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ให้ลูกบ้านเตรียมพร้อมรองรับเหตุฉุกเฉิน ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศ ในหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือน พบว่า หลายครอบครัวเพิ่งกลับเข้าพื้นที่ 1-2 วัน หลังอพยพหนีภัยการสู้รบในห้วงวันที่ 24 – 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้รับข่าวไม่สู้ดีนัก เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง แจ้งให้เตรียมความพร้อม เก็บสัมภาระไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงการปะทะ รอบ 2 ซึ่งอาจรุนแรงมากกว่ารอบแรก ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตื่นตระหนก ต้องการอพยพไปอยู่นอกพื้นที่ แต่เมื่อผู้นำหมู่บ้านทำความเข้าใจ ก็คลายความกังวลลงบ้าง โดยสื่อสารข้อความจากนายอำเภอพนมดงรักว่า รอให้มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้นก่อน จึงให้อพยพ ซึ่งชาวบ้านก็เชื่อฟัง เพราะส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะอพยพไปที่ไหน เพราะยังไม่มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะที่หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในพื้นที่สู้รบ ใกล้กลุ่มปราสาทตาเมือนตลอดห้าวัน เพราะเป็นห่วงวัวที่เลี้ยงไว้ จึงอาศัยอยู่ในกระต๊อบพร้อมญาติรวมสี่คน และประเมินสถานการณ์ว่า น่าจะปลอดภัย เพราะวิถีกระสุนไปตกไกลกว่า จึงได้ยินเสียงปะทะอย่างชัดเจน […]

คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำ ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัว

มุกดาหาร 13 ส.ค.- คุมตัว “ลุงพล” ส่งเรือนจำมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก 26 ปี คดีน้องชมพู่ จากกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเพิ่มโทษให้จำคุก “ลุงพล” 26 ปี ฐานเจตนาฆ่าเด็ก พรากผู้เยาว์ และอำพรางศพ ขณะที่ “ป้าแต๋น” พิพากษายืนยกฟ้อง ในคดีฆาตกรรม น้องชมพู่ ทั้งนี้ภายหลัง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ “ลุงพล” ได้ยื่นขอประกันตัว โดยศาลจังหวัดมุกดาหาร เสนอไปยังศาลฎีกา ล่าสุด ช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลฎีกายังไม่มีคำตอบลงมาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ทำให้ “ลุงพล” ถูกคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ระหว่างรอคำสั่งขอประกันตัวจากศาลฎีกา ย้อนไปคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ วัย 3 ขวบ หายไปจากบ้านพักภาย ในหมู่บ้านกกกอก ทำให้ชาวบ้านมากกว่า 200 ชีวิต รวมถึง ตัวลุงพล ช่วยกันออกตามหา […]