นายกฯ กำชับบังคับใช้กฎหมายป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมายเข้มงวด

กรุงเทพฯ 23 พ.ค. – นายกรัฐมนตรี กำชับบังคับใช้กฎหมายป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมายตามพันธกรณีระหว่างประเทศเข้มงวด ดูแลภาคส่งออกควบคู่กับการดูแลประมงพื้นบ้าน  


วันที่ 23 พ.ค.64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานความก้าวหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขปัญหาและมาตรการป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ให้บังคับใช้กฎหมายที่ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้วให้เข้มงวดและต่อเนื่อง เพราะการดำเนินงานที่เข้มงวดได้ จะส่งผลสำคัญต่อทั้งภาพลักษณ์ และความสามารถในการส่งออกอาหารทะเลของประเทศไทยในระยะยาว

“สภาพัฒน์ได้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจไตรมาสแรกของปี 2564 แสดงข้อมูลว่า การส่งออกของไทยได้กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจหลักๆ นายกรัฐมนตรีจึงได้กำชับให้มีการดำเนินทุกมาตรการที่จะสนับสนุนการส่งออก ซึ่งอาหารทะเลเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญของไทยด้วย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว


รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่นายกรัฐมนตรีก็ย้ำว่า การดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ จะต้องทำควบคู่ไปกับการบรรเทาผลกระทบต่อประมงพื้นบ้าน ซึ่งเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชน โดยให้มีกลไกการแก้ไขปัญหา บรรเทาผลกระทบที่มีทุกภาคส่วนเข้าร่วม ทั้งประชาชน ประชาสังคม ภาครัฐ ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาครอบคลุมประเด็นที่รอบด้าน สร้างความเชื่อมั่นต่ออาหารทะเลไทยของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ไปพร้อมกับการทำประมงที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ รายงานของคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ระบุว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา ประเทศไทยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายในหลายด้าน เช่น การปรับปรุงกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 17 ฉบับ การบริหารจัดการประมงทะเลไทย และการจัดการกองเรือไทย โดยมีการบริหารจัดการจำนวนเรือประมง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณทรัพยากรประมง การออกใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์และใบอนุญาตทำการประมงนอกน่านน้ำ มีการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังการทำประมงให้เป็นไปตามกฎระเบียบทั้งในและระเบียบระหว่างประเทศ บังคับใช้กฎหมายด้วยมาตรการทางปกครองควบคู่กับการใช้บทลงโทษทางอาญา การใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับด้วยมาตรการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าประมงไปยังแหล่งที่มาของสัตว์น้ำ ตลอดจนจัดระเบียบแรงงานประมง โดยมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของคนประจำเรือ และป้องกันการใช้แรงงานผิดกฎหมาย ปราบปรามการค้ามนุษย์ และดำเนินมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU-Free Thailand). – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,0000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง