พรรคก้าวไกล 20 พ.ค.-“วิโรจน์” จี้ รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้สมเหตุผล ระบุกองทัพใช้งบซื้ออาวุธต้องเชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตประชาชน เพิ่มงบสธ.ถ้ายังไม่พอแก้โควิด
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีไม่อนุมัติให้ถอดหน้ากากอนามัยในระหว่างการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ว่า เรื่องนี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่จะให้ความร่วมมือและเป็นเรื่องการดูแลตัวเองและเป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชนด้วย ส่วนตัวไม่มีปัญหาเรื่องนี้
ส่วนการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เดิมฝ่ายค้านจะขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติ และได้หารือกันเบื้องต้นว่าในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่น กระทบรายได้ ความเป็นอยู่ จึงควรอภิปรายไม่ไว้วางใจ อีกทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาฝ่ายค้านได้เตือนหลายประเด็น แต่รัฐบาลไม่ได้นำมาแก้ไข
นายวิโรจน์ กล่าวถึงร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า การจัดสรรงบประมาณต้องสมเหตุสมผล แต่ขณะนี้งบประมาณไม่มีความสมเหตุผล แม้ว่ากระทรวงกลาโหมจะออกมาบอกว่าปรับลดงบประมาณกองทัพแล้ว ทำให้หลายกระทรวงได้รับงบฯเพิ่มเป็นสิ่งที่ดีแล้วคงไม่ใช่ เพราะการจัดสรรงบประมาณต้องพิจารณาว่างบใดของกองทัพที่ยังไม่ถูกกาลเทศะโดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19
“ต้องอธิบายว่าอาวุธ ยุทโธปกรณ์จะซื้อมาเพื่อใช้ในภารกิจใด หากไม่เชื่อมโยงกับประโยชน์ คุณภาพชีวิตของประชาชนก็ควรปรับลดลงอีก ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ถ้าสถานการณ์ยังพบการขาดแคลนเตียง หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ในอนาคตก็ควรเพิ่มงบประมาณอีก เราต้องเอาความจำเป็นเป็นหลัก ไม่ใช่ครั้งที่แล้วขาดแคลนมาก เพิ่มงบประมาณในครั้งนี้จะพอใจแล้ว เราจะติดหล่มกับการด้อยเรื่องบริหารจัดการงบประมาณ คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน” นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนแบบวอล์คอินที่รัฐบาลจะปรับเป็นแบบ on site ว่า การลงทะเบียน ถ้าประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริง ความเสี่ยง ประโยชน์จากการฉีดวัคซีน และประชาชนลงทะเบียนด้วยความสมัครใจจะไม่เป็นปัญหา เพราะจำนวนที่มาฉีดจะตรงกับจำนวนที่ลงทะเบียน แต่ถ้าเป็นการกวาดรายชื่อมาลงทะเบียนโดยที่ประชาชนไม่ได้รับการสื่อสารตามข้อเท็จจริงและไม่ได้ฉีดตามความสมัครใจ สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นคือวันจริง ประชาชนอาจจะไม่มา
“เมื่อเราใช้การลงทะเบียนลักษณะการกวาด พอจำนวนผู้ลงทะเบียนมากกว่าจำนวนวัคซันที่จะส่งมอบก็จะเกิดปัญหา ต้องให้โรงพยาบาลโทรเลื่อน ทำให้ประชาชนบางส่วนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะอยากฉีดวัคซีน ในขณะที่โรงพยาบาลบางแห่งวัคซีนอาจเหลือ ซึ่งการจัดวอล์คอิน ควรทำต่อเมื่อสต๊อกวัคซีนเหลือ เพื่อเป็นมาตรการเสริมและต้องควบคุมปริมาณความหนาแน่นของผู้เข้ารับวัคซีน” นายวิโรจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย