พรรคก้าวไกล 20 พ.ค.-วิโรจน์ นำผู้เสียหายจากเครือข่าย “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ร้อง กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ เร่งอายัดเงินก่อนถูกถ่ายเท
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล นำผู้เสียหายจากคดีการฉ้อโกง ของนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก เข้ายื่นข้อมูลร้องเรียนต่อ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ กมธ. เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งปรากฎในเว็บไซต์ของนายประสิทธิ์ หรือ ปรากฎในเฟซบุ๊กของสมาคมการค้าธุรกิจบริการและผลิตภัณฑ์ผสมผสาน ที่นายประสิทธิ์มีส่วนร่วมในการดำเนินการ มาให้ข้อมูล
นายวิโรจน์ กล่าวว่า มีข้อมูลและภาพหน่วยงานราชการหลายแห่งที่ได้รับเงินสนับสนุนจากนายประสิทธิ์ อาทิ กองบัญชาการหน่วยทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย สำนักงานปลัด กระทรวงแรงงาน กองบังคับการตำรวจจราจร สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแห่งชาติ รวมถึงยังมีการทอดผ้าป่าสามัคคีโดยมีแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธาน จึงตั้งข้อสังเกตว่า กองทัพภาคที่ 2 จะได้รับการสนับสนุนด้วยหรือไม่ และที่สำคัญยังมีโครงการเปิดศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ร่วมกับ ดีเอสไอ จะเห็นได้ว่าลักษณะของเครือข่ายนี้เข้าไปให้การสนับสนุนหน่วยงานราชการจำนวนมาก ทั้งนี้สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการคือ จะทำอย่างไรในการอายัดทรัพย์สินที่ประชาชนได้รับความเสียหายกลับมาให้มากและรวดเร็วที่สุด
ด้านนายณัฐพล พรหมเวช ทนายความผู้รับมอบจากผู้เสียหาย 7 คน กล่าวว่า มูลค่าความเสียหายเฉพาะกลุ่มผู้เสียหายที่ตนเองรับผิดชอบประมาณ 20 ล้านบาท โดยพฤติกรรมของเครือข่ายจะให้ผู้เสียหายไปกู้เงินจากธนาคารมาเพื่อลงทุน เช่น สอนวิธีการใช้บัตรเครดิตอย่างไรเพื่อจะกู้เงินผ่าน หลายคนนำรถและบ้านไปจำนองกับไฟแนนซ์ เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่คุณประสิทธิ์ สัญญาไว้ว่าจะให้ราวๆ 4-10% ต่อเดือน ทำให้ผู้หลงเชื่อเสียหายค่อนข้างมาก
ขณะที่ นายวิมุตพงษ์ จันทร์แก้ว ผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุผลที่มั่นใจตัวนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และร่วมลงทุน เพราะจากการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พบว่า เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ลงไปช่วยเหลือชุมชน และที่สำคัญคือเป็นจิตอาสา 904 ด้วย และผลตอบแทนที่ได้รับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็เป็นตัวการันตีว่าธุรกิจไปรอด โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ยังได้รับผลตอบแทนดี จึงลงเงินไปโดยไม่ถามว่าเอาเงินไปทำอะไร แต่ในช่วงต้นปีเริ่มไม่ได้รับค่าตอบแทนจึงเริ่มสงสัย แต่ยังไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดี เพราะมีการลงคลิปในเฟซบุ๊กว่า หากมีการดำเนินคดีจะทำให้ได้รับเงินล่าช้า เพราะบริษัทจะต้องเสียเวลาไปสู้คดี ทำให้หลายคนไม่กล้า ทั้งนี้ อยากบอกทุกคนที่ได้รับความเสียหาย ว่าอย่ากลัว ต้องออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ว่าคลิปก่อนหน้านี้เขาพูดอะไร ข่มขู่หรืออะไรก็ตาม
นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก สิ่งที่กมธ.พัฒนาเศรษฐกิจจะทำได้ คือการเรียกหน่วยงานกองทัพและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับบริจาคจากนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก มาก่อน เพื่อดำเนินการอายัดทรัพย์และกันไว้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับผู้เสียหายได้ และให้ผู้เสียหายได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ากระบวนการของคดีจะเป็นอย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่าเงินและความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะได้รับการชดเชย
นอกจากนี้ จะให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) ธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดเฉพาะกับลูกค้าที่ถูกล่อลวงให้เกิดการลงทุน แต่ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการ รวมถึงการตั้งสถาบันการเงินเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม จะเตรียมบรรจุวาระประชุม เพื่อส่งหนังสือเรียกเชิญไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ต่อไป ทั้งหน่วยงานที่รับบริจาคเงินจากเครือข่ายนายประสิทธิ์ และหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตามเงิน รวมทั้งหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ประชาชนด้วย “ขณะที่คดียังไม่สิ้นสุด นายประสิทธิ์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ดังนั้นต้องรีบอายัดเงินก่อนที่จะถูกถ่ายเท จนไม่สามารถคืนให้ผู้เสียหายได้ และคดีนี้มีความแยบยลมากกว่าคดีแชร์ลูกโซ่ทั่วไป เพราะมีการสัญญาให้ผลตอบแทนที่ประมาณ 5% ต่อเดือน ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่หวือหวาเหมือนกรณีแชร์ลูกโซ่อื่นๆ พร้อมทั้งมีโมเดลการบริหารจัดการเงินและธุรกิจ เช่น นำเงินไปสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ผู้ลงทุนเอง ก็จะได้รับซื้อสินค้าในราคาถูกกว่าราคาสินค้าตามท้องตลาดด้วย”นางสาวศิริกัญญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย