กทม. 20 พ.ค.-พิชัย ติง นายกฯ กู้ เพิ่ม 7 แสนล้าน ทำหนี้พุ่ง ชี้ ใช้เงินมากแต่หาเงินไม่เป็น จี้ ตรวจสอบการใช้งบฯ 1 ล้านล้านบาท แต่วัคซีนยังขาด แนะ ปรับลดงบประมาณไม่จำเป็นออก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า รู้สึกประหลาดใจที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน เพิ่มเติม 7 แสนล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นวาระจร และไม่ได้ให้รายละเอียด เหมือนมุบมิบทำ ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่มาก และควรชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบก่อน เพราะก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพิ่งจะยืนยันในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ยังมีเงินเหลือ 3.8 แสนล้านบาท จากวงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะเยียวยาประชาชนครั้งนี้โดยไม่ต้องกู้เพิ่ม แต่แล้วกลับเสนอ ครม. กู้เพิ่มถึง 7 แสนล้านบาท ทำให้สงสัยถึงความโปร่งใส
นายพิชัย กล่าวว่า อยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงรายละเอียด การใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่ผ่านมา เพื่อเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสาธารณสุข เหตุใดถึงใช้หมดแล้ว และยังแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ส่วนวงเงินด้านสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท เหตุใดจึงไม่มีการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ให้เพียงพอ และไม่มีวัคซีนหลายยี่ห้อเป็นทางเลือก แสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพในการใช้เงิน นอกจากนี้มีการนำงบฯ ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการเลี้ยงปลาดุก โครงการเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี ฯลฯ ซึ่งแม้อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ไม่มีทางที่จะฟื้นเศรษฐกิจไทยที่กำลังย่ำแย่หนักได้ ทั้งนี้เงินกู้นอกงบประมาณทั้ง 1 ล้านล้านบาท และ ที่จะกู้ใหม่อีก 7 แสนล้าน จะตรวจสอบการใช้จ่ายได้ยาก เพราะไม่มีกรอบการใช้เงินที่ชัดเจน ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดการทุจริตได้
นายพิชัย กล่าวว่า การกู้เงินเพิ่มอีกถึง 7 แสนล้านบาทจะยิ่งทำให้หนี้สาธารณะพุ่งทะลุเกิน 9 ล้านล้านบาท และหนี้จะทะลุเกิน 60% ของจีดีพี เพราะการเก็บรายได้ในปีนี้จะขาดมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้สถานะทางการคลังของไทยย่ำแย่ลงอีก อีกทั้งในอนาคตรัฐบาลจะหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ เพราะรัฐบาลหาเงินไม่เป็น และเห็นว่าควรพิจารณาตัดงบฯ ที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปก่อน เช่น งบความมั่นคง งบซื้ออาวุธ ค่าดูงานต่างประเทศ ลดเงินเดือน ส.ว. ลดการเกณฑ์ทหาร เป็นต้น เพื่อประหยัดการใช้จ่ายและลดการกู้เงินให้น้อยลงได้
“การที่รัฐบาลหาเงินไม่เป็นและเก็บรายได้ขาดมาตลอด ทำให้รัฐบาลต้องลดงบประมาณลงในปี 2565 โดยลดลงถึง 1.85 แสนล้าน ซึ่งแสดงถึงความเสื่อมถอยของประเทศ แต่รัฐบาลกลับซิกแซกออก พ.ร.บ. กู้เงิน 7 แสนล้านบาทมาใช้แทน ซึ่งตรวจสอบยาก เปิดโอกาสให้มีการคอรัปชั่น อีกทั้งยังเพิ่มหนี้สาธารณะอย่างมาก ในการกู้เงิน 7 แสนล้าน ถ้าจะเยียวยาเพิ่มถึง 4 แสนล้าน รวมกับเงินกู้ของเดิมที่มีอยู่อีก 3.8 แสนล้านบาท ตามที่ รมว. คลัง ยืนยันเอง เหตุใดรัฐบาลถึงไม่เยียวยาประชาชนให้เดือนละ 5,000 บาท 3 เดือน ตามที่พรรคเพื่อไทยเสนอ ดีกว่าจะไปแจกกระจายและไม่ตรงเป้าหมาย และ การจะใช้เงิน 2.7 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ก็อยากให้มีแผนงานที่ชัดเจน ไม่ใช่ใช้มั่วๆเหมือนครั้งที่แล้ว และ ที่แปลกใจคือเหตุใดจึงมีค่าใช้จ่ายให้กับกองทัพบก กองทัพเรือ และ กองทัพอากาศ ถึง 367 ล้านบาทด้วย ซึ่งไม่สมเหตุสมผล ซ้ำซ้อนกับงบฯกลาโหมหรือไม่ ทำให้ประชาชนสงสัยกันว่าจะยัดไส้กันมาเพื่อหาผลประโยชน์กันใช่หรือไม่ การใช้เงินดังกล่าวจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างไร และ การใช้จ่าย 30,000 ล้านบาทด้านสาธารณสุขจะให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ไหมว่าจะมีวัคซีนให้ประชาชนสามารถเลือกเองได้ มีการกระจายการฉีดได้ทั่วถึงและสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ทันภายในสิ้นปี เพื่อจะฟื้นเศรษฐกิจ“ นายพิชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย