กรุงเทพฯ 20 พ.ค.-“อนุทิน” แจงคืบหน้านำเข้าวัคซีนโควิด 19 ทุกบริษัทขายผ่านภาครัฐเท่านั้น เอกชนใดสนใจให้หารือตัวแทนแล้วดำเนินการตามขั้นตอนก่อนกระจายต่อ ย้ำ จอห์นสัน –โมเดอร์นาเข้าไทยไตรมาส 4 แอสตร้าฯ วัคซีนหลัก ไฟเซอร์ฉีดเด็กได้ ทำให้ครอบคลุมมากขึ้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ว่า ต้องเข้าใจว่าเรื่องวัคซีนมีความซับซ้อน ทั้งผู้ผลิตและรัฐบาลต้องเข้าใจร่วมกันว่าวัคซีนใช้ในสถานการณ์เร่งด่วน วัคซีนเกิดขึ้นมาจากการศึกษาทดลองอย่างเร่งรีบ และผู้ผลิตจะไม่รับผิดชอบกับผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อรับทราบเงื่อนไขตรงนี้ จึงจะมาคุยกันเรื่องราคาและการจัดส่ง ทั้ง 2 ฝ่ายจะทราบความต้องการระหว่างกัน เมื่อตกลงกันได้จึงจะนำมาซึ่งการจัดซื้อจัดหาต่อไป
“ล่าสุดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน ผ่านการขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) แล้ว แต่ผู้ผลิตยังยืนยันว่าจะจำหน่ายให้กับภาครัฐเท่านั้น ซึ่งทางกรมควบคุมโรคกำลังเจรจาจัดหาตามกระบวนการ หากการหารือราบรื่น ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับเงื่อนไขกันและกัน ทางผู้ผลิตรายงานว่าจะส่งวัคซีนได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนวัคซีนโมเดอร์นา ผ่านการขึ้นทะเบียนในไทยแล้ว ทางผู้ผลิตยืนยันว่าจะซื้อขายผ่านรัฐเท่านั้นเช่นกัน หากภาคเอกชนต้องการวัคซีนของโมเดอร์นาให้ไปหารือกับตัวแทนจำหน่าย แล้วแจ้งความต้องการมายังภาครัฐ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง แล้วองค์การเภสัชกรรมจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้ หากทุกอย่างลงตัวน่าจะได้วัคซีนในไตรมาส 4 เช่นกัน
สำหรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนกา นี่คือวัคซีนหลักของไทย ซึ่งมีสายการผลิตในประเทศ ผู้ผลิตยืนยันแล้วว่าจะส่งให้ไทยในเดือนมิถุนายนนี้แน่นอน ทั้งนี้ หากโรงงานในไทยเกิดปัญหา ทางผู้ผลิตต้องหาวัคซีนมาส่งให้ไทยตามสัญญา ขณะที่ซิโนแวค ไทยนำเข้ามาเพื่อแก้ไขสถานการณ์เร่งด่วนเมื่อช่วงต้นปี 2564 และสั่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีวัคซีนเพียงพอกับความต้องการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนวัคซีนของไฟเซอร์ ไทยให้ความสำคัญขณะนี้การเจรจามาถึงขั้นตอนที่ภาครัฐและผู้ผลิตเข้าใจเงื่อนไขของแต่ละฝ่ายแล้ว หากสั่งซื้อ จะส่งได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ การที่ไทยกลับมาจริงจังกับไฟเซอร์ เพราะเป็นวัคซีนที่สามารถให้บริการแก่เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ หากสั่งเข้ามาได้สำเร็จ การให้บริการจะครอบคลุมคนไทยมากยิ่งขึ้น ขณะที่วัคซีนสปุ๊ตนิก วี ของรัสเซีย เพิ่งเริ่มต้นเจรจาและพร้อมขึ้นทะเบียน เมื่อได้รับเอกสารครบถ้วน วัคซีนที่นำเข้ามาให้บริการประชาชน จะต้องผ่านการพิจารณาเรื่องประสิทธิภาพความปลอดภัยจากอย.และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการตรวจสอบวัคซีนที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล.-สำนักข่าวไทย