ห่วงนายกฯคุมโควิดไม่อยู่

กรุงเทพฯ 5 พ.ค.-เพื่อไทยห่วนายกฯ คุมโควิดไม่อยู่ เจ็บตายพุ่ง ระบบสาธารณสุขล้มเหลว เศรษฐกิจพังยับ จนฝ่ายค้านต้องยื่นถอดถอน แนะเร่งเยียวยา ทุ่มช่วย SMEs แล้วรีบลาออก


นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล เนื่องจากมีรัฐมนตรีไปเที่ยวสถานบันเทิงอโคจร แต่กลับไม่ลงโทษ สถานการณ์จะยิ่งทวีรุนแรงและสภาวะเศรษฐกิจจะยิ่งทรุดหนัก โดยแนะนำให้พล.อ.ประยุทธ์เตรียมรับมือและเร่งแก้ไข แต่ปรากฏว่าพล.อ.ประยุทธ์กลับยิ่งบริหารยิ่งล้มเหลว สถานการณ์การระบาดทำท่าจะรุนแรงจนพล.อ.ประยุทธ์น่าจะเอาไม่อยู่แล้ว คลัสเตอร์คลองเตยน่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีกมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่มีการระบาดมากที่สุด สืบต่อเนื่องมาจากคลาสเตอร์ทองหล่อที่มีรัฐมนตรีไปเกี่ยวข้องจนเป็นที่พูดกันจนติดปากว่าทองแท้แพ้ทองหล่อ

“ที่น่าห่วงที่สุดคือสถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข เพราะผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวันวันละหลายสิบคนและทำท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ห้องไอซียูและเตียงรักษาผู้คิดเชื้อในโรงพยาบาลต่าง ๆ เต็มจนล้นแล้ว แต่ผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ติดเขื้ออาการหนักถึงขั้นวิกฤติจะมีเพิ่มขึ้นทุกวันจนโรงพยาบาลจะไม่สามารถรับได้แล้ว น่าห่วงว่าสถานการณ์จะเป็นเหมือนประเทศอิตาลีช่วงที่มีการระบาดมาก ๆ ซึ่งต้องปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะระบบสาธารณสุขล้มเหลว ไม่สามารถรองรับผู้ติดเชื้ออาการหนักได้อีก ซึ่งจะสร้างความโกรธแค้นให้กับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและประชาชนทั่วไปอย่างมาก น่าห่วงว่าสถานการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นกับไทยถ้าพลเอกประยุทธ์ยังบริหารล้มเหลวอยู่แบบนี้” นายกฤษฎา กล่าว


นายกฤษฎา กล่าวว่าการจัดการเรื่องวัคซีนยังเป็นความล้มเหลวซ้ำซ้อน ประชาชนจำนวนมากอยากฉีดวัคซีนแต่ยังไม่ทราบเลยว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อใดได้ยินแต่คำว่า “กำลังจะมา” เท่านั้น ถึงขนาดมีทัวร์จัดไปฉีดวัคซีนกันในต่างประเทศกันแล้ว และมีคนไทยแห่กันไปจองมาก พิสูจน์ถึงความล้มเหลวของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน ขนาดเอกชนจะขอนำเข้ามาวัคซีนเองยังโดนขัดขวาง หอการค้าไทยต้องออกมาเข้าเกียร์ถอย หลังจากถูกรัฐบาลสั่งห้ามตามที่มีสื่อเปิดเผย แต่ตนในฐานะที่เคยเป็นรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมก่อนเข้าสู่การเมือง ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจสภาอุตสาหกรรมที่ยังยืนยันจะนำเข้าวัคซีนมาให้ได้ วัคซีนมีเหลือดีกว่าขาด แต่ทราบมาว่าได้มีการติดต่อไปหลายยี่ห้อแล้ว แต่ยังติดปัญหาที่ อย. ยังไม่ยอมอนุมัติดังนั้นจึงอยากขอให้ภาครัฐอย่าทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำเข้าวัคซีนของเอกชน โดยในภาวะที่ภาครัฐล้มเหลว ภาคเอกชนจะต้องทำหน้าที่แทน มิเช่นนั้นประเทศจะยิ่งล้มเหลวทุกด้าน

“ความล้มเหลวเรื่องวัคซีนและความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่มแล้ว ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งทรุดหนักกว่าเดิมมาก คนยิ่งลำบากกันอย่างมาก ความเสียหายทางเศรษฐกิจในรอบนี้จะทรุดหนักมาก มีการประเมินแล้วว่าจะเสียหายถึงกว่า 450,000 ล้านบาท และอาจสูงกว่านี้หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน เรียกได้ว่าคนก็ป่วย เศรษฐกิจก็ยิ่งป่วยหนัก ดังนั้น จากความล้มเหลวในการบริหารวัคซีน และการควบคุมการระบาดที่จะมีคนป่วยคนตายเป็นจำนวนมากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการยื่นถอดถอนพลเอกประยุทธ์จากความล้มเหลวในการบริหารในเร็วๆนี้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากจะทนกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถอีกต่อไปแล้ว” นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวว่า นอกจากจะแห่กันเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปฉีดวัคซีนกันแล้ว ยังปรากฏว่ามีการชวนกันย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันเลยแล้ว โดยมีเพจ “ย้ายประเทศกันเถอะ” มีคนเข้าร่วมกว่า 7 แสนคนแล้ว ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ถึงขนาดที่มีคนจำนวนมากอยากย้ายประเทศกันแล้ว ทั้งที่หลักคิดที่ถูกต้องคือประเทศไทยต้องเปิดกว้างให้คนเก่ง คนฉลาด เข้ามาทำงาน และเข้ามาอยู่ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศ โดยในโลกสมัยใหม่คนฉลาดคนเก่งหนึ่งคนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างมูลค่าเพื่มให้กับประเทศได้มาก แต่ขณะนี้คนเก่งและคนฉลาดของไทยกลับจะอยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันแล้ว อนาคตประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไร โดยประเทศสวีเดนและประเทศออสเตรเลียได้ประกาศยินดีต้อนรับคนไทยที่มีความรู้ความสามารถให้ไปอยู่ในประเทศของเขาแล้ว นับเป็นความน่าอับอายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่างมาก ทั้งนี้ เรื่องนี้และอีกหลายเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องเปิดใจรับฟังและเรียนรู้จากคุณ Tony ใน Clubhouse เพื่อปรับปรุงวิสัยทัศน์ของตนเองให้ทันโลกได้บ้าง ประเทศจะได้ไม่ล้าหลังเหมือนในปัจจุบันและจะได้ไม่ตกเทรนด์ เพราะตอนนี้มีประชาชนคอยตามฟังและตามดูเป็นแสนเป็นล้านคนแล้ว


“หากพิจารณาให้ดี จะพบเลยว่าพล.อ.ประยุทธ์มีปัญหาในการบริหารประเทศมาตลอด แต่ในอดีตยังไม่ได้เผชิญกับวิกฤติการณ์ ปัญหาในด้านต่างๆจึงได้หลบซ่อนอยู่ และพอจะถู ๆ ไถ ๆ กันไปได้ แต่พอมาเจอกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ปัญหาทุกด้านจึงได้โผล่ขึ้นมาพร้อมๆกัน เพราะความด้อยประสิทธิภาพที่บริหารล้มเหลว ทำประเทศอ่อนแอและเสื่อมถอยมาตลอด ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องรู้ตัวเองได้แล้ว และควรเร่งเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนเดือนละ 5000 บาท 3 เดือนโดยต้องเป็นเงินสด อีกทั้งต้องเร่งช่วยเหลือ SMEs โดยการหยุดดอกเบี้ย และหยุดเงินต้น ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เสนอมาตลอดได้แล้ว เพื่อประคองให้ประชาชนสามารถประคองชีวิตต่อไปได้ และธุรกิจไม่ต้องเจ๊งไม่ต้องปิดตัวและพร้อมจะกลับมาดำเนินการใหม่เมื่อมีการฉีดวัคซีนครบแล้ว เสร็จแล้วพล.อ.ประยุทธ์ควรจะออกไปได้แล้ว เพราะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้เดินต่อไปได้ คนไทยจะได้ไม่ต้องแห่กันอยากไปอยู่ต่างประเทศเหมือนในปัจจุบัน” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]