ห่วงนายกฯคุมโควิดไม่อยู่

กรุงเทพฯ 5 พ.ค.-เพื่อไทยห่วนายกฯ คุมโควิดไม่อยู่ เจ็บตายพุ่ง ระบบสาธารณสุขล้มเหลว เศรษฐกิจพังยับ จนฝ่ายค้านต้องยื่นถอดถอน แนะเร่งเยียวยา ทุ่มช่วย SMEs แล้วรีบลาออก


นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย อดีตรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาล เนื่องจากมีรัฐมนตรีไปเที่ยวสถานบันเทิงอโคจร แต่กลับไม่ลงโทษ สถานการณ์จะยิ่งทวีรุนแรงและสภาวะเศรษฐกิจจะยิ่งทรุดหนัก โดยแนะนำให้พล.อ.ประยุทธ์เตรียมรับมือและเร่งแก้ไข แต่ปรากฏว่าพล.อ.ประยุทธ์กลับยิ่งบริหารยิ่งล้มเหลว สถานการณ์การระบาดทำท่าจะรุนแรงจนพล.อ.ประยุทธ์น่าจะเอาไม่อยู่แล้ว คลัสเตอร์คลองเตยน่าจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีกมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่มีการระบาดมากที่สุด สืบต่อเนื่องมาจากคลาสเตอร์ทองหล่อที่มีรัฐมนตรีไปเกี่ยวข้องจนเป็นที่พูดกันจนติดปากว่าทองแท้แพ้ทองหล่อ

“ที่น่าห่วงที่สุดคือสถานการณ์ทางด้านสาธารณสุข เพราะผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวันวันละหลายสิบคนและทำท่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ห้องไอซียูและเตียงรักษาผู้คิดเชื้อในโรงพยาบาลต่าง ๆ เต็มจนล้นแล้ว แต่ผู้ติดเชื้อยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และผู้ติดเขื้ออาการหนักถึงขั้นวิกฤติจะมีเพิ่มขึ้นทุกวันจนโรงพยาบาลจะไม่สามารถรับได้แล้ว น่าห่วงว่าสถานการณ์จะเป็นเหมือนประเทศอิตาลีช่วงที่มีการระบาดมาก ๆ ซึ่งต้องปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิตโดยไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะระบบสาธารณสุขล้มเหลว ไม่สามารถรองรับผู้ติดเชื้ออาการหนักได้อีก ซึ่งจะสร้างความโกรธแค้นให้กับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและประชาชนทั่วไปอย่างมาก น่าห่วงว่าสถานการณ์ดังกล่าวกำลังจะเกิดขึ้นกับไทยถ้าพลเอกประยุทธ์ยังบริหารล้มเหลวอยู่แบบนี้” นายกฤษฎา กล่าว


นายกฤษฎา กล่าวว่าการจัดการเรื่องวัคซีนยังเป็นความล้มเหลวซ้ำซ้อน ประชาชนจำนวนมากอยากฉีดวัคซีนแต่ยังไม่ทราบเลยว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อใดได้ยินแต่คำว่า “กำลังจะมา” เท่านั้น ถึงขนาดมีทัวร์จัดไปฉีดวัคซีนกันในต่างประเทศกันแล้ว และมีคนไทยแห่กันไปจองมาก พิสูจน์ถึงความล้มเหลวของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน ขนาดเอกชนจะขอนำเข้ามาวัคซีนเองยังโดนขัดขวาง หอการค้าไทยต้องออกมาเข้าเกียร์ถอย หลังจากถูกรัฐบาลสั่งห้ามตามที่มีสื่อเปิดเผย แต่ตนในฐานะที่เคยเป็นรองเลขาธิการสภาอุตสาหกรรมก่อนเข้าสู่การเมือง ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจสภาอุตสาหกรรมที่ยังยืนยันจะนำเข้าวัคซีนมาให้ได้ วัคซีนมีเหลือดีกว่าขาด แต่ทราบมาว่าได้มีการติดต่อไปหลายยี่ห้อแล้ว แต่ยังติดปัญหาที่ อย. ยังไม่ยอมอนุมัติดังนั้นจึงอยากขอให้ภาครัฐอย่าทำตัวเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำเข้าวัคซีนของเอกชน โดยในภาวะที่ภาครัฐล้มเหลว ภาคเอกชนจะต้องทำหน้าที่แทน มิเช่นนั้นประเทศจะยิ่งล้มเหลวทุกด้าน

“ความล้มเหลวเรื่องวัคซีนและความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของไวรัสภายใต้การบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะทำให้ระบบสาธารณสุขล่มแล้ว ยังทำให้ระบบเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วยิ่งทรุดหนักกว่าเดิมมาก คนยิ่งลำบากกันอย่างมาก ความเสียหายทางเศรษฐกิจในรอบนี้จะทรุดหนักมาก มีการประเมินแล้วว่าจะเสียหายถึงกว่า 450,000 ล้านบาท และอาจสูงกว่านี้หากไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ในเร็ววัน เรียกได้ว่าคนก็ป่วย เศรษฐกิจก็ยิ่งป่วยหนัก ดังนั้น จากความล้มเหลวในการบริหารวัคซีน และการควบคุมการระบาดที่จะมีคนป่วยคนตายเป็นจำนวนมากนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการยื่นถอดถอนพลเอกประยุทธ์จากความล้มเหลวในการบริหารในเร็วๆนี้ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากจะทนกับผู้นำที่ขาดความรู้ความสามารถอีกต่อไปแล้ว” นายกฤษฎา กล่าว

นายกฤษฎา กล่าวว่า นอกจากจะแห่กันเดินทางไปต่างประเทศเพื่อไปฉีดวัคซีนกันแล้ว ยังปรากฏว่ามีการชวนกันย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันเลยแล้ว โดยมีเพจ “ย้ายประเทศกันเถอะ” มีคนเข้าร่วมกว่า 7 แสนคนแล้ว ยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของพล.อ.ประยุทธ์ถึงขนาดที่มีคนจำนวนมากอยากย้ายประเทศกันแล้ว ทั้งที่หลักคิดที่ถูกต้องคือประเทศไทยต้องเปิดกว้างให้คนเก่ง คนฉลาด เข้ามาทำงาน และเข้ามาอยู่ เพื่อช่วยพัฒนาประเทศ โดยในโลกสมัยใหม่คนฉลาดคนเก่งหนึ่งคนจะสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างมูลค่าเพื่มให้กับประเทศได้มาก แต่ขณะนี้คนเก่งและคนฉลาดของไทยกลับจะอยากย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันแล้ว อนาคตประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไร โดยประเทศสวีเดนและประเทศออสเตรเลียได้ประกาศยินดีต้อนรับคนไทยที่มีความรู้ความสามารถให้ไปอยู่ในประเทศของเขาแล้ว นับเป็นความน่าอับอายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่างมาก ทั้งนี้ เรื่องนี้และอีกหลายเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องเปิดใจรับฟังและเรียนรู้จากคุณ Tony ใน Clubhouse เพื่อปรับปรุงวิสัยทัศน์ของตนเองให้ทันโลกได้บ้าง ประเทศจะได้ไม่ล้าหลังเหมือนในปัจจุบันและจะได้ไม่ตกเทรนด์ เพราะตอนนี้มีประชาชนคอยตามฟังและตามดูเป็นแสนเป็นล้านคนแล้ว


“หากพิจารณาให้ดี จะพบเลยว่าพล.อ.ประยุทธ์มีปัญหาในการบริหารประเทศมาตลอด แต่ในอดีตยังไม่ได้เผชิญกับวิกฤติการณ์ ปัญหาในด้านต่างๆจึงได้หลบซ่อนอยู่ และพอจะถู ๆ ไถ ๆ กันไปได้ แต่พอมาเจอกับวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด ปัญหาทุกด้านจึงได้โผล่ขึ้นมาพร้อมๆกัน เพราะความด้อยประสิทธิภาพที่บริหารล้มเหลว ทำประเทศอ่อนแอและเสื่อมถอยมาตลอด ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องรู้ตัวเองได้แล้ว และควรเร่งเยียวยาประชาชนที่เดือดร้อนเดือนละ 5000 บาท 3 เดือนโดยต้องเป็นเงินสด อีกทั้งต้องเร่งช่วยเหลือ SMEs โดยการหยุดดอกเบี้ย และหยุดเงินต้น ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยได้เสนอมาตลอดได้แล้ว เพื่อประคองให้ประชาชนสามารถประคองชีวิตต่อไปได้ และธุรกิจไม่ต้องเจ๊งไม่ต้องปิดตัวและพร้อมจะกลับมาดำเนินการใหม่เมื่อมีการฉีดวัคซีนครบแล้ว เสร็จแล้วพล.อ.ประยุทธ์ควรจะออกไปได้แล้ว เพราะไม่เหลือความน่าเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้เดินต่อไปได้ คนไทยจะได้ไม่ต้องแห่กันอยากไปอยู่ต่างประเทศเหมือนในปัจจุบัน” นายกฤษฎา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย