fbpx

คุณหญิงสุดารัตน์ เสนอ 3 ข้อสู้โควิด

กทม. 1 พ.ค.-คุณหญิงสุดารัตน์ เสนอ 3 ข้อสู้โควิด แก้ระเบียนยกเลิกหลักเกณฑ์ตรวจเจอที่ไหนต้องรักษาที่นั้น แนะตั้งงบ 1,600 ล้าน ลุยตรวจเชิญรุก 1 ล้านคน กันเชื้อแพร่ในชุมชน พร้อมเสนอตั้งศูนย์คัดกรองทุกเขต ทุกตำบล

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ได้ทำบุญวันเกิดครบ 60 ปี พร้อมครอบครัว ในวันนี้(1 พ.ค.) และได้เตรียมตระกร้าสำหรับมอบให้บ้านที่มีผู้ติดเชื้อ ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้งพร้อมยาสามัญประจำบ้าน 2,000 ชุด พร้อมด้วยหน้ากากอนามัย 200,000 ชิ้น น้ำยาฆ่าเชื้อ จำนวน 200 แกลอน, แจลล้างมือ และถุงขยะสีแดงเพื่อใส่ขยะติดเชื้อ ให้ทีมกทม.ไทยสร้างไทยแต่ละเขต นำไปช่วยดูแล และป้องกันโควิดให้ประชาชนในกรุงเทพฯ


คุณหญิงสุดารัตน์ได้กล่าวถึงปัญหาการแพร่ระบาดของ covid 19 ที่ขณะนี้มีอัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆ ว่า สิ่งที่ควรทำเร่งด่วนในตอนนี้มีอยู่ 3 เรื่อง คือ 1 ขอเสนอให้มีการแก้ไขระเบียบ ยกเลิกข้อกำหนดที่บอกว่าตรวจเจอที่โรงพยาบาลใด โรงพยาบาลนั้นต้องรับรักษา เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่ามันทำให้เกิดปัญหาตาม และควรยกเลิกระเบียบที่กำหนดให้บุคคลจะเข้ารับการรักษาได้ต้องตรวจเจอเชื้อ covid -19 ก่อน เพราะนี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อ เนื่องจากกว่าคนจะรอคิวเข้าตรวจเชื้อต้องรอหลายวัน เข้ารับการตรวจแล้วต้องกลับไปรอผลที่บ้านอีกกว่าจะรู้ผล รู้ผลก็ต้องรอเตียงว่างอีก จึงจะได้รับการรักษา จึงทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อในชุมชน เป็นจำนวนมาก และทำให้ผู้ป่วยมีอาการหนัก และเสียชีวิตสูงมากขึ้นนอกจากนี้ควรมีการกระจายงบประมาณให้โรงพยาบาลบริหารจัดการตัวเองด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่าข้อเสนอที่ 2 ควรเปิดศูนย์กลางคัดกรองผู้ป่วยทุกเขตในกรุงเทพฯทุกเขตทั้ง 50 เขต และทุกตำบลในต่างจังหวัด ใครก็ตามที่รู้สึกเจ็บป่วย แม้ยังไม่ทราบผลตรวจให้มาที่ศูนย์เพื่อคัดกรองเข้าสู่ระบบ ไม่ใช่ตรวจแล้วกลับไปรอที่บ้าน และการกลับไปรอที่บ้าน มันทำให้เกิดการแพร่กระจายในชุมชน ซึ่งขณะนี้เป็นแบบนี้ในหลายชุมชน


และ 3 เห็นว่ารัฐบาลควรเร่งเรื่องของการตรวจเชื้อโควิดให้ได้มากที่สุด ควรมีการตรวจเชิงรุกมากกว่านี้ เพราะปัจจุบันมีการตรวจเชิงรุกในแต่ละวันแค่หลักสิบซึ่งตนขอเสนอให้ตั้งงบประมาณ 1,600 ล้านบาท เพื่อปูพรมตรวจ 1 ล้านคน ในทุกพื้นที่เพราะ เพราะ สปสช. ก็ตั้งงบค่าตรวจให้ 1,600 บาท ต่อหัว จากนั้นให้ตรวจได้เลยทุกโรงพยาบาล ตรวจเสร็จก็นำเข้าระบบทันที แบบนี้ก็จะหมดปัญหา เรื่องของการรอเตียงและรอตรวจ

“คนตรวจมากจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้ออาจจะดูสูงขึ้น เพราะเราตรวจเชิงรุก ทำให้พาคนติดเชื้อเข้าสู่ระบบได้มาก ประชาชนก็จะปลอดภัยเพราะคนติดเชื้อเข้ามาอยู่ในระบบ ไม่ปะปนอยู่ในชุมชน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควบรวมอำนาจการบริหารสถานการณ์ covid ไว้แต่เพียงผู้เดียว ว่า การบริหารจัดการของรัฐบาลเป็นปัญหาตั้งแต่ต้นแล้ว ตั้งแต่การระบาดในรอบแรก คือมีการรวมศูนย์อำนาจไว้ในส่วนกลาง มีการตั้งศูนย์เกิดขึ้นมากมาย ไม่กระจายงบและอำนาจไปสู่โรงพยาบาลซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติ ทั้งที่การบริหารในช่วงวิกฤต ต้องทำให้การสั่งการสั้นที่สุด กระชับที่สุด แต่นี่ก็ไปตั้งศูนย์ต่างๆขึ้นมาเยอะแยะไปหมด สิ่งที่แปลกใจมากกว่านั้นคือ เอาฝ่ายความมั่นคงมาสู้รบกับเชื้อโรค ซึ่งในความจริงควรจะให้หมอเข้ามาดำเนินการ แล้วเมื่อมีการตั้งศูนย์ขึ้นมาหมายในรัฐราชการไทยก็ทำให้เกิดความเห็นที่ไม่ตรงกัน เกิดความสับสนในข้อมูลอย่างที่ผ่านมา เมื่อนายกรัฐมนตรี รวบอำนาจมาไว้คนเดียว ก็ต้องรับทั้งผิดและชอบด้วย คือเมื่อรวบอำนาจมาแล้ว ต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ส่วนตัวคิดว่าควรจะมีการปรับการบริหารจัดการ เพราะที่ผ่านมารวมศูนย์อำนาจมาปีกว่า แต่บริหารจัดการไม่ได้ ก็เลยควบคุมการระบาดไม่เบ็ดเสร็จแบบนี้


“ผู้นำปัญหามันอยู่ที่ผู้นำผู้นำวันนี้ประชาชนต้องการคนที่สร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจ ผู้นำที่ดีต้องมีแผนงานและเลือกคนที่เหมาะสมกับงาน แบ่งหน้าที่อย่าให้ซ้ำซ้อน วิธีการสั่งการต้องสั้นที่สุด กำหนดระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นที่สุด“ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มหาวิทยาลัยแจงเหตุ นศ.สาวปี 3 แทงแฟน นศ.ปี 1 สาหัส

มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีนักศึกษาหญิงทำร้ายนักศึกษาชาย ในหอพักจนบาดเจ็บสาหัส ด้านตำรวจยืนยันนักศึกษาหญิงที่ก่อเหตุมอบตัวแล้ว ยอมรับเป็นแฟนและทะเลาะกัน

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

ข่าวแนะนำ

คุมเพลิงไหม้ “วิน โพรเสส” ได้แล้ว 95%

เหตุไฟไหม้โรงงานเก็บขยะเคมีอันตราย วินโพรเสส อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วันนี้ เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้แล้ว 95% เหลือเพียงจุดความร้อนที่อยู่ใต้ซากกองเพลิง ซึ่งยังต้องใช้สาร F500 ฉีดลดความร้อน แต่ยังมีกลิ่นฉุนแอมโมเนีย ด้านกรมโรงงานอุตสาหกรรมเช็กกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าเป็นการวางเพลิงเพื่อทำลายหลักฐานเช่นเดียวกับเหตุที่เกิดขึ้นใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หรือไม่

นายกฯ แจงเรียก “สุชาติ-รัฐมนตรี” เข้าพบ แค่ตามงาน

นายกฯ อารมณ์ดี เดินลงตึกไทยฯ พบสื่อ แจงเรียก “สุชาติ-รมต.” มีชื่อหลุด ครม.เข้าพบแค่ตามงาน ย้ำปรับ ครม.เสร็จเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้ ยันกินข่าวเที่ยงวานนี้ไม่มี ”ทักษิณ“

รวบ 2 ใน 4 อุ้มฆ่าหนุ่มไทใหญ่ทิ้งป่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

รวบแล้ว 2 ใน 4 ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “จ๋อมวัน” หนุ่มไทใหญ่ ก่อนนำศพไปทิ้งในป่าที่ จ.เชียงใหม่ ปมสังหารอ้างไม่พอใจถูกแซวเรื่องหญิงคนสนิท

ดวงอาทิตย์ตั้งฉาก กทม.ครั้งแรกของปี

วันนี้เป็นครั้งแรกของปีที่ดวงอาทิตย์จะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งตั้งฉากกับพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านใกล้จุดเหนือศีรษะ หรือตั้งฉากกับพื้นที่บริเวณต่างๆ ของไทย 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. และเดือน ก.ค.-ก.ย.