ศบค. เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 15-30 ล้านโดส/เดือน

ทำเนียบ 29 เม.ย.-นพ.ทวีศิลป์ เผย ศบค. สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องปรับแนวทางลงโทษคนไม่ใส่หน้ากากอนามัยใหม่ เร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 15-30 ล้านโดสต่อเดือน ระบุ 14 วันนี้หากตัวเลขดี อาจลุ้นผ่อนคลาย

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวว่าในที่ประชุม ศบค.ได้หารือถึงมาตรการควบคุมและบูรณาการทุกพื้นที่ คือ การสวมกากอนามัยและหน้ากากผ้าที่ก่อนหน้านี้เคยมีปัญหาเรื่องบทลงโทษสำหรับผู้ที่ไม่ยอมให้ปรับ และอ้างว่าต้องให้ศาลเป็นผู้ปรับ นั้น กรมควบคุมโรคได้เสนอคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อออกระเบียบเปรียบเทียบปรับ โดยมาตรการต่างๆ จะให้กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงมหาดไทย และกทม.ดำเนินการออกระเบียบคาดว่า ภายใน 1 สัปดาห์น่าจะได้ข้อกำหนดแนวทางใหม่ขึ้นมา ระหว่างนี้ให้ดำเนินการตามมาตรการที่เหมาะสมไปก่อน ทั้งนี้ ก่อนเปรียบเทียบปรับ อาจให้มีมาตรการอื่น เช่น ตักเตือน หรือให้บำเพ็ญสาธารณะประโยชน์แก่สังคม


ส่วนมาตรการเรื่องวัคซีน โควิด-19 ที่มีแผนการฉีดวัคซีนให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย 100 ล้านโดส โดยจากประชากร 70 ล้านคนต้องได้รับวัคซีน 70% คิดเป็นจำนวน 50 ล้านคน ขณะนี้ประเทศไทยจัดหาได้แล้ว 63 ล้านโดส ดังนั้ นจึงต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 37 ล้านโดสสำหรับประชากรในประเทศ จำนวน 18.5 ล้านคน สิ่งที่เราจะต้องทำคือต้องหาวัคซีนให้ได้เพียงพอและทันเวลาโดยจะต้องฉีดเข็มที่สองเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2564 หากสามารถจัดหาวัคซีนได้ 20 ล้านโดสต่อเดือน จะทำให้สามารถฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมตามแผนที่ตั้งไว้ ทางกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเป็นแผน เพื่อฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่อื่นที่สัมผัสโรค เช่น ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ที่ทำงานสถานกักกัน อาชีพเสี่ยง พนักงานขับรถสาธารณะ ครู ประชาชนผู้มีโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไป ซึ่งแผนต่างๆ ได้วางไว้ทั้งหมดแล้วนอกจากนี้ยังมีการลงไปในรายละเอียดว่าเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการฉีดจะเป็นไปตามแผนที่จะครอบคลุมประชากรภายในปี 2564

ทางกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า จะมีจุดบริการที่จะฉีดวัคซีนทั้งในและนอกโรงพยาบาล จำนวน 1,000 แห่ง แห่งละ 500-1,000 โดสต่อวัน รวม 5 แสน ถึง 1 ล้านโดสต่อวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน คิดเป็น 15-30 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งนี้ จะฉีดครบ 100 ล้านโดสภายในระยะเวลา 4-7 เดือนคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน-ธันวาคม 2564 ส่วนกรุงเทพมหานครที่เป็นพื้นที่เปราะบางทางพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผอ.ศบค. ได้มีความเป็นห่วงมากจึงต้องให้จัดจุดบริการต่างๆ และให้เพิ่มจุดบริการนอกโรงพยาบาล เช่น สนามกีฬา มหาวิทยาลัย ศูนย์ประชุม ฯลฯ จุดบริการทั้งในและนอกโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวน 100 แห่ง แห่งละ 1,000 โดสต่อวัน รวม 1 แสนโดสต่อวัน เป็นระยะเวลา 30 วัน เท่ากับ 3 ล้านโดสต่อเดือน โดยจะได้รับเข็มที่หนึ่งครบภายในระยะเวลา 3 เดือนคือ เดือนมิถุนายน-สิงหาคม 2564


กระทรวงสาธารณสุขขอเสนอให้พิจารณาใน 3 ข้อคือ 1.แผนการจัดหา การจัดฉีดวัคซีน โควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดส 2.ทราบโครงการการจัดหา จัดซื้อวัคซีน โควิด-19 เพิ่มเติม สำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 18.5 ล้านคนหรือ 37 ล้านโดส โดยการจัดซื้อรวมเป็นวัคซีนที่ประเทศไทยจัดหาจัดซื้อสำหรับประชากรทั้งสิ้นจำนวน 50 ล้านคนหรือวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดส และ3.ขออนุมัติหลักการ ให้ทางภาครัฐและเอกชน จัดหาจัดซื้อวัคซีน โควิด-19 ให้วัคซีนที่มีความหลากหลายทั้งชนิดและราคา เพื่อให้ประชากรกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนครอบคลุมร้อยละ 70 โดยเร็วที่สุด โดยภาครัฐจัดหาวัคซีน ไฟเซอร์จำนวน 5-20 ล้านโดส สปุตนิกวี จำนวน 5-10 ล้านโดส Johnson & Johnson จำนวน 5-10 ล้านโดส และซิโนแวค 5-10 ล้านโดส หรือวัคซีนอื่นเช่น โมเดิร์นนา ซีโนฟาร์ม หรือบารัท หรือวัคซีนอื่นที่จะมีการขึ้นทะเบียนในอนาคต โดยภาคเอกชนไม่ได้ถูกตัดออกจากความร่วมมือ ยังสามารถที่จะร่วมจัดซื้อได้

โดยข้อสรุป ทางคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ให้มอบหมายให้ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ในฐานะประธานอนุกรรมการวิเคราะห์และสนับสนุนข้อมูลเศรษฐกิจรายสาขาภายใต้ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำงานร่วมกับภาคเอกชน 4 ด้านคือ 1.การจัดทำแผนกระจายวัคซีนให้กับแรงงานในระบบประกันสังคมและประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนในระยะถัดไป 2.ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และภาคเอกชนในการกำหนดสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนให้กับแรงงานในระบบประกันสังคมในจังหวัดต่างๆ 3 ประสานงานกับ สปสช. แรงงาน และภาคเอกชนในการรวบรวมตรวจสอบข้อมูลความต้องการวัคซีนของแรงงานในระบบประกันสังคม และจัดส่งให้กรมควบคุมโรคทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดำเนินการต่อไป และ4. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดปัญหาอุปสรรค ในกรณีที่ภาคเอกชนจะนำเข้าวัคซีนด้วยตนเองในระยะต่อไป โดยจะนำเสนอผลการดำเนินงานต่อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้อำนวยการศูนย์สถานการณ์ โควิด-19 ต่อไป

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ที่พยายามทำกันขึ้นมาโดยหลักการไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้เกิดความลำบากในชีวิตของประชาชน แต่อย่างน้อยต้องขอให้ลดการเดินทาง ลดการพบปะ และให้ทำงานที่บ้านกันให้มาก เพราะการติดต่อเกิดจากคนต่อคนเพราะฉะนั้นหากรถการติดต่อก็จะลดการระบาดจึงขอแรงพี่น้องประชาชนทุกท่านทำความเข้าใจให้ปฏิบัติและทำตามเรื่องที่เราได้ช่วยกันคิดช่วยกันทำขึ้นมา 14 วันนี้ หากตัวเลขลดลงการผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

นายกฯคุยทรัมป์

“แพทองธาร” นายกฯ สนทนาทางโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์”

“แพทองธาร” นายกฯ สนทนาทางโทรศัพท์ กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” แสดงความยินดีชนะเลือกตั้งยืนยัน ประเทศไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ ด้าน “ทรัมป์” ชื่นชม นายกฯ

ศาลยกฟ้อง “ชัยวัฒน์” คดีอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ฟ้องปมจับส่วย

ศาลยกฟ้อง “ชัยวัฒน์” ไม่ผิดคดี “รัชฎา” อดีตอธิบดีกรมอุทยาน ฟ้องแจ้งความเท็จ กลั่นแกล้งรับโทษ ปมรับส่วย 9.8 หมื่นบาท ชี้เป็นการแจ้งข้อมูลข้อเท็จจริงไม่ได้แต่งเติม

สงครามทำทองพุ่ง

หวั่นสงคราม ราคาทองคำ-น้ำมัน กลับมาขยับขึ้น

ราคาทองคำไทยเช้านี้ขยับขึ้นตามตลาดโลก ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นเช่นกัน เพราะหวั่นสงครามยูเครน-รัสเซียรุนแรงขยายวง