ขอฝ่ายค้านหยุดเล่นการเมืองช่วยแก้วิกฤติชาติ

กรุงเทพฯ 29 เม.ย.-“อัครเดช” ระบุ ข้อเรียกร้องฝ่ายค้านให้นายกฯลาออกไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน ห่วงทำสถานการณ์แย่ลงช่วงสูญญากาศ ขอหยุดเล่นการเมืองแล้วหันมาร่วมกันแก้ปัญหาประเทศ เชื่อฝ่ายค้านหวังดีกับบ้านเมือง


นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการติดตามการใช้งบประมาณโควิด 19 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เรียกร้องรัฐบาล ทบทวนการใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ว่าโครงการใดยังไม่ได้เบิกจ่ายหรือโครงการใดที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อจะได้เร่งนำงบประมาณที่เหลืออยู่มาเยียวยาพี่น้องประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การเยียวยาและดูแลประชาชนตรงกลุ่มเป้าหมายและตรงตามวัตถุประสงค์ของพระราชกำหนดทั้ง 3 ฉบับ

ส่วนข้อเสนอและแนวทางขับเคลื่อนมาตรการในการช่วยเหลือที่จะฝากไปยังรัฐบาล นายอัครเดช กล่าวว่า กรรมาธิการฯ น่าจะระดมความคิดเห็นเพื่อทำเป็นข้อเสนอในนามของคณะกรรมาธิการฯส่งต่อไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ปรับแผนการเยียวยาซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องรอนัดประชุมอีกครั้ง พร้อมทั้งเสนอให้เชิญตัวแทนรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงว่างบประมาณที่เหลืออยู่มีจำนวนเท่าไรและมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณต่อจากนี้อย่างไร


“จากการรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่พบว่า มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงเสนอให้รัฐบาลพิจารณาแบ่งกลุ่มอาชีพว่ากลุ่มไหนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก และอาจแบ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบลดหลั่นกันไปโดยต้องพิจารณาจากสภาพปัญหาความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ เพื่อพิจารณาเยียวยาให้สอดคล้องกับงบประมาณที่เหลืออยู่ เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปยังประชาชน อย่างกลุ่มอาชีพ 31 กลุ่มที่ประกาศล่าสุดเรื่องการปิดสถานที่ ต้องไปดูว่ากลุ่มไหนได้รับผลกระทบมากหรือน้อย สิ่งที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการมากที่สุดคือวัคซีน ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลกำลังจัดหาวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ครบทุกพื้นที่ นอกจากนี้ประชาชนต้องการคือความปลอดภัย อยากให้รัฐบาลดำเนินการตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดและน้อยที่สุด” นายอัครเดช กล่าว

นายอัครเดช กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออก ว่า ไม่เกิดประโยชน์ แต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ หรือตั้งรัฐบาลใหม่ต้องใช้เวลา แล้วช่วงที่เป็นสูญญากาศ ใครจะมาดูแล ใครจะเป็นผู้บริหารจัดการ วันนี้สิ่งสำคัญคือการร่วมกันระหว่างฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน และขอเรียกร้องฝ่ายค้านว่าขอให้ยุติข้อเรียกร้องที่เป็นประเด็นทางการเมืองและ ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน หรือเกิดประโยชน์กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไปก่อน เชื่อว่าฝ่ายค้านส่วนใหญ่หวังดีกับประชาชน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ