แถลงการณ์ฝ่ายค้านจี้นายกฯลาออก

รัฐสภา 28 เม.ย.-6 พรรคร่วมฝ่ายค้านออกแถลงการณ์ เรียกร้อง “พล.อ.ประยุทธ์” ลาออก ค้านผูกขาดอำนาจ เร่งทำประชามติ แก้รธน.


หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนอ่านแถลงการณ์พรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้ายึดอำนาจการปกครองและเข้าบริหารราชการแผ่นดิน รวมเวลาที่อยู่ในอำนาจเกือบ 7 ปีเต็ม แต่การบริหารประเทศของพล.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรีกลับล้มเหลวเกือบทุกด้าน สร้างปัญหาและผลกระทบต่อประเทศ และความทุกข์ยากเดือดร้อนแก่ประชาชนในวงกว้าง โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤตปัจจุบัน ดังนี้ 1. ล้มเหลวและมีความผิดพลาดในการจัดการการระบาดของโควิด-19 2. ล้มเหลวในการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ

“3. ล้มเหลวในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนทั้งประเทศ สนับสนุนพวกพ้องทำลายผู้เห็นต่าง สร้างความแตกแยกในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน อาศัย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือและข้ออ้างดำรงไว้ซึ่งผลประโยชน์และอำนาจของตน หลอกลวงประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อต้องการรักษาอำนาจและต่อท่ออำนาจของตนเองให้ขยายออกไป นอกจากนี้ภายใต้กลไกของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 แม้จะมีปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเอาผิดได้ จนทำให้การทุจริตคอรัปชั่นในช่วงของรัฐบาลนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว


นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า ความล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ทุจริตคอรัปชั่นเพื่อตนเองและพวกพ้อง ไร้ทิศทางในการบริหารราชการแผ่นดินเหล่านี้ ถ้าปล่อยไป รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศและประชาชนจนไม่สามารถกอบกู้กลับมาได้ กลายเป็นความเสียหายถาวรต่อประเทศ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่พ่ายแพ้ต่อโควิด-19 และพ่ายแพ้ด้านเศรษฐกิจอย่างไม่น่าให้อภัย พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงเห็นว่าเพื่อระงับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลจำเป็นต้องยุติบทบาทการบริหารประเทศโดยทันทีด้วยการลาออก เพื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐบาลมืออาชีพ มีความรู้ความสามารถ ไม่ยึดติดอยู่กับอำนาจและผลประโยชน์เข้ามาบริหารประเทศ

“รัฐบาลนี้มักใช้อำนาจสั่งการจากบนลงล่าง ไม่เคารพการมีส่วนร่วมของประชาชน สะท้อนให้เห็นผ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 และการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา ต้นเหตุมาจากรัฐธรรมนูญที่วาดหวังให้เป็นฐานรองรับเจตนาสืบทอดอำนาจ สร้างขึ้นเพื่อตัวท่านและพวกท่านเท่านั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าหากเราต้องการก้าวไปสู่ประเทศที่เป็นประชาธิปไตย มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องตัดต้นตอของปัญหา ซึ่งประกอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐบาลที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติให้มีผลบังคับใช้ เพื่อจัดทำประชามติยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยประชาชน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นคู่ขนานไปกับการเดินหน้ายกเลิกอำนาจของวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสืบทอดอำนาจของระบอบเผด็จการอย่างถาวร” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันให้ฝ่ายกฏหมายรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีพล.อ.ประยุทธ์ โดยจะยื่นหนังสือขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีพฤติการณ์จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 53 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยปล่อยปละละเลยไม่ปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทำให้เชื้อโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดใหญ่ ประชาชนต้องล้มป่วยและเสียชีวิตจำนวนมากต่อไป พรรคร่วมฝ่ายค้านหวังว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงต้องลาออกจากตำแหน่งสถานเดียว และไม่กระทำการใด ๆ ที่จะเป็นการวางกับดักต่อท่ออำนาจของตนเองต่อไป


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตนได้ถามเพื่อน ส.ส.ว่าถึงเวลาหรือยังที่ประเทศไทยจะต้องเลือกระหว่างพล.อ.ประยุทธ์หรือประเทศ ถ้าเลือกพล.อ.ประยุทธ์เกรงว่าจะไม่มีประเทศเหลืออยู่ แต่ถ้าเลือกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์เป็นสลักแรกที่ต้องถอดออก เชื่อว่าในสถานการณ์วิกฤติที่มีคนบาดเจ็บล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเข้าไปทุกที คำถามที่ตนเคยถามจึงต้องถามให้ดังขึ้น วันนี้รัฐบาลต้องยอมรับความจริงได้แล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่อำนาจหรืองบประมาณไม่พอ แต่เป็นการไร้ความสามารถ ไร้ความจริงใจ ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ยุทธศาสตร์จัดการโควิด-19 ครั้งนี้ ประชาชนต้องเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ หลายคนต้องเสียบุคคลในครอบครัว เสียเวลาทำมาหากิน บุคลากรทางการแพทย์ต้องสูญเสียเวลาและสุขภาพในการใช้ชีวิต

“หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรคไม่สามารถทนได้อีกต่อไป สิ่งที่ประเทศต้องทำในวันนี้ ไม่ใช่การเพิ่มอำนาจให้พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นการเอาพล.อ.ประยุทธ์ออกจากอำนาจ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ต้องการแสดงความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศ ประชาชนต้องรับกรรม เราต้องขอให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง ยุติบทบาทโดยทันที เพื่อเป็นการเปิดโอกาสใหม่ให้ประเทศและรัฐบาลใหม่ที่เป็นมืออาชีพ มีคุณภาพ ยึดโยงกับประชาชนให้เข้ามาบริหารบ้านเมือง รวมทั้งต้องตัดท่ออำนาจ ถอนรากถอนโคน กฎกติการะบบที่ทำให้เกิดรัฐบาลนี้ขึ้น คือรัฐธรรมนูญปี 2560 พรรคก้าวไกลและพรรคฝ่ายค้านขอเรียกร้องให้ทำประชามติ เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกว่าจะทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนโดยตรงหรือไม่” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลยืนยันว่าจะไม่รับข้อเสนอการแก้รัฐธรรมนูญใด ๆ จากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะข้อเสนอของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐที่มีความพยายามสืบทอดอำนาจเผด็จการมาโดยตลอด ถึงเวลา พล.อ.ประยุทธ์ต้องคืนอำนาจสู่มือประชาชน พรรคก้าวไกลขอเสนอโรดแมป 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาล ยุติบทบาทและการบริหารประเทศด้วยการลาออก 2. ตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 และแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ3.ยุบสภาเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็ว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีหรือแม้แต่รปภ.ก็ไม่เอา โดยให้เวลาพล.อ.ประยุทธ์พิจารณาทบทวนตัวเอง
ส่วนนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ในการเป็นผู้นำบริหารประเทศนั้นหมดแล้ว ล่าสุดยังให้ครม.อนุมัติเอาอำนาจในพ.ร.บ.ต่าง ๆ ของแต่ละกระทรวงให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้แต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ อำนาจถ้าอยู่ในมือคนดีก็จะเป็นประโยชน์

“แต่ถ้าเอาอำนาจและกฎหมายมาอยู่ในมือคนโง่ก็ย่อมจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ผมไม่เห็นด้วยกับการผูกขาดอำนาจและกฎหมายไว้กับคนโง่ แต่ควรกระจายอำนาจ ผมและพรรคฝ่ายค้านขอพลังจากทุกภาคส่วนทั้งภาควิชาการ ภาคประชาสัมคม ในการแสดงออกว่าไม่ต้องการรัฐบาลที่ทำงานล้มเหลว อยากบอกพล.อ.ประยุทธ์ว่ายังมีสิทธิเลือกว่าจะลงแบบดีอย่างที่เราเรียกร้อง แต่ถ้าท่านยังดื้อด้านคิดว่าเก่ง คิดว่าทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ บาปกรรมอันนี้จะเหมือนผู้นำในอดีตที่ต้องลงอย่างทุกข์ทรมาน ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ท่านอย่าดูถูกอำนาจของประชาชน ถ้าเขาทนไม่ได้ จิตวิญญาณแห่งการเรียกร้อง จิตวิญญาณของประชาชนจะลุกขึ้นยิ่งกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาและพฤษภาทมิฬ อย่าคิดว่าเขาจะกลัวปืนหรือกลัวตำรวจ วันที่เขาทนไม่ได้ เขาจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าท่านจะจับเขาเข้าคุกเท่าไหร่ คนที่อยู่ข้างนอกยังจะสู้ต่อไป เพราะความเดือดร้อนมันยังไม่หมด” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนทำประเทศชาติเสียหายแบบนี้มาก่อน ความเลวร้ายของพล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจปกครองไม่เป็นธรรมเหมือนกับเป็นโจรที่มีอาวุธ รวมถึงไม่มีความน่าเชื่อถือทั้งในประเทศและต่างประเทศตั้งแต่รัฐประหารมาที่สอบตก 100 เปอร์เซ็นต์

“หาก พล.อ.ประยุทธ์ลาออกแล้วกลัวตกงาน ผมแนะนำให้ไปเป็นตลกโลก จะดังแบบมิสเตอร์บีน เพราะพล.อ.ประยุทธ์มีความถนัด ประชาชนและคนทั่วโลกหัวเราะกันทั้งบ้านทั้งเมืองแล้ว” นายสงคราม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

กต.โต้ท่าทีกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – โฆษก กต. โต้ 4 ข้อ เกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชา ปมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตามที่มีการสอบถามเกี่ยวกับท่าทีของฝ่ายกัมพูชาที่ออกมาแถลงในประเด็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมานั้น นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเพิ่มเติม ดังนี้ 1. เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่รับข้อเสนอของไทยในการร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด ในการประชุม RBC ระหว่างกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กับกองบัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา เมื่อวานนี้ (16 ส.ค.68) โดยฝ่ายกัมพูชาระบุว่าต้องขึ้นอยู่กับพัฒนาการของการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง ตลอดจนเสนอให้มีความร่วมมือเฉพาะในบริเวณที่มีการปักปันเขตแดนแล้วเสร็จก่อน 2. ท่าทีของกัมพูชาดังกล่าว เป็นท่าทีที่ย้อนแย้งกันอย่างชัดเจน โดยกัมพูชาอ้างว่าให้ความสำคัญกับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม แต่กลับสร้างเงื่อนไขและปล่อยให้อาวุธร้ายแรงเช่นนี้ยังคงอยู่และถูกนำไปใช้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของ GBC อย่างชัดเจน และไม่ให้ค่ากับชีวิตและความปลอดภัยของมนุษย์ที่เป็นพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะยังคงละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศต่อไป 3. นอกจากนี้ ตามการแถลงข่าวของโฆษก กห. กัมพูชา และกรณีนายเฮง รัตนา ผอ. CMAC เช้าวันนี้ ที่กล่าวอ้างว่าทุ่นระเบิด PMN-2 ที่นำมาเสนอต่อคณะทูต องค์การระหว่างประเทศ […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

มทภ.2 ปฏิเสธรับตำแหน่งทางการเมืองหลังเกษียณ

กาฬสินธุ์ 17 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ร่วมพิธียกเสาเอกเจดีย์โนนสาวเอ้ “หลวงปู่ศิลา” พร้อมปฏิเสธรับตำแหน่งทางการเมืองหลังเกษียณอายุราชการ “บิ๊กกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 หลังมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้ พล.ท.บุญสิน รับตำแหน่งทางการเมือง หรือต่ออายุราชการ จากผลงานแม่ทัพภาคที่ 2 อันโดดเด่น ถูกใจประชาชน วันนี้ พล.ท.บุญสิน ในฐานะลูกศิษย์คนดังของหลวงปู่ศิลา เดินทางมาร่วมพิธีฉลองประกาศตั้งวัดสวนธรรมปีติ และยกเสาเอก เสาโท เจดีย์โนนสาวเอ้ ณ วัดสวนธรรมปีติ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ขณะทำพิธียกเสาเอก เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนนับหมื่นคนเข้าร่วมพิธี ขณะที่หลายคนมารอต้อนรับ พล.ท.บุญสิน เพื่อมอบกำลังใจและขอบคุณที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถจำนวนมาก พล.ท.บุญสิน เปิดเผยถึงแผนในอนาคตหลังจากเกษียณอายุราชการว่า จะไปทำหน้าที่เป็นทหารกองหนุน เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทย ส่วนตำแหน่งทางการเมืองไม่ขอรับ ขอทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติในส่วนที่เราสามารถทำได้.-สำนักข่าวไทย

ร่วมส่งดวงวิญญาณ “พลทหารรัฐภูมิ” แน่นวัด

สุรินทร์ 17 ส.ค. – ประชาชนจำนวนมากร่วมพิธีฌาปนกิจร่าง “พลทหารรัฐภูมิ” แน่นวัดกลางบัวเชด จ.สุรินทร์ พ่อเผยโล่งใจมีคนเข้าใจลูกชายมากขึ้น วัดกลางบัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ สถานที่จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพของพลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ซึ่งก่อเหตุยิงวัยรุ่น 2 ราย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนถูกพบว่าเสียชีวิตบริเวณป่าริมคลองส่งน้ำบ้านเขื่อนแก้ว พื้นที่ อ.กาบเชิง โดยวันนี้มีพิธีฌาปนกิจศพพลทหารรัฐภูมิ ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติและเพื่อนร่วมงานที่มาร่วมพิธีเป็นอย่างมาก รวมถึงหน่วยงานต้นสังกัด ก่อนทำพิธีมีทหารกองเกียรติยศทำความเคารพศพ นายอำเภอบัวเชด เป็นประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุล จากนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานขึ้นวางดอกไม้จันทน์ โดยก่อนหน้าที่จะประกอบพิธี มีหลายหน่วยงาน องค์กรต่างๆ และประชาชน ร่วมกันมอบเงินจากกองทุนต่างๆ ให้กับครอบครัวของพลทหารรัฐภูมิ พ่อโล่งใจคนเข้าใจลูกชายมากขึ้นนายประยูร ผู้เป็นพ่อ เผยความรู้สึกว่าตอนนี้สบายใจขึ้นมากเกี่ยวกับข่าวของลูกชายที่ออกไปในครั้งแรกส่งผลกระทบต่อสภาจิตใจของคนในครอบครัว ก่อนมีการแก้ไขข่าวที่ถูกต้อง ตรงกับข้อเท็จจริง และมีคนมาให้กำลังใจจำนวนมาก บอกลูกชายครั้งสุดท้ายว่าลูกทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว พ่อภูมิใจในตัวลูกชายมาก พร้อมยอมรับว่ามีคนมาขอสำเนาเลขบัญชีไปเปิดรับเงินบริจาค แต่ไม่ได้เป็นคนเปิดเอง และจะปิดรับบริจาควันจันทร์นี้ (18 ส.ค.) จนถึงขณะนี้ไม่ทราบว่าได้เงินเท่าไร มีน้องชายมาบอกว่าเขาจะโอนมาให้ 50,000 […]