รัฐสภา 28 เม.ย.-“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ระบุกทม.ควรให้เวลาประชาชนเตรียมตัวเรื่องบังคับใช้ใส่แมสก์ ไม่ใช่ประกาศแล้วจับเลย มองนายกฯเสียค่าปรับแค่สร้างภาพ เรียกร้องลาออกแก้โควิดเหลว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมถูกปรับเพราะไม่สวมแมสก์ขณะประชุม ว่า เมื่อดูประกาศของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ที่ออกมาวันที่ 25 เมษายนและบังคับใช้ทันที โดยไม่มีเวลาให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ อย่างน้อยควรให้เวลา 30-60 วันเหมือนการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อกทม.ประกาศวันที่ 25 เมษายนควรให้มีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤษภาคม เพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อม เพราะขณะนี้ประชาชนกำลังยากลำบาก แต่ต้องควักเงินซื้อหน้ากากอนามัย อีกทั้งการปรับกระทบกับประชาชน หากไม่มีค่าปรับเรื่องถึงศาล และหากไม่มีเงินจ่ายอาจต้องติดคุก
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีถูกปรับเพราะไม่สวมหน้ากากอนามัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ทราบจากข่าว แต่ดูแล้วคือการสร้างภาพ ให้ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีอยู่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ประชาชนดูออก แล้วใครจะเชื่อ เหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่ไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ ต้องเรียกพนักงานสอบสวนมาที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลา
“รัฐบาลควรเร่งป้องกันการระบาดของโควิด-19โดยประชาชนต้องไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการรักษา ควรแจกหน้ากากอนามัยให้กับประชาชน และเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลตอนนี้ไม่ทันต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนให้ประชาชน” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนและลาออกจากตำแหน่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า วานนี้(27 เม.ย.) พรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติ ให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สามารถทำตามกฎหมายที่ออกมาได้ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาโรคระบาดที่เกิดมา 4 ครั้ง ล้วนมีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่รัฐและคนในคณะรัฐมนตรี แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้
“ดูได้จากครั้งแรกเกิดจากสนามมวยที่ทหารเป็นผู้จัด ก็มีการย้ายทหารคนดังกล่าว แต่สุดท้ายก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม ครั้งที่ 2 ระบาดจากจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาโดยผิดกฎหมาย ทำให้เกิดการระบาด ครั้งที่ 3 เกิดจากบ่อนการพนันที่จังหวัดระยอง มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้คุมบ่อน และครั้งที่ 4 ที่คริสตัลคลับ มีรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องแต่นายกรัฐมนตรีก็ทำอะไรไม่ได้ ซึ่ง ครั้งที่ 4 นี้เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่ประชาชน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงมองว่าไม่สามารถปกครองประเทศได้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมีมติให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก มีอำนาจปลดรัฐมนตรีก็ไม่กล้าปลด แม้ว่าเขาจะส่งคนออกมาด่า ก็ไม่กล้าปลด เพราะกลัวจะอยู่ไม่ได้ กลัวไม่มีอำนาจ 7 ปียังไม่พออีกหรือ ยิ่งอยู่ยิ่งแย่” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ประกาศยึดอำนาจสั่งการเรื่องโควิด-19 เองทั้งหมด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่ควรยึดอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว ควรแบ่งกระจายอำนาจให้คนอื่นทำ เพราะประเทศที่เจริญแล้วก็ไม่ได้ใช้ทหารเข้ามาแก้ปัญหาโควิด แต่การที่ให้ทหารเข้ามาเพราะจะได้มีเงินให้ลูกน้อง งบ 3 แสนกว่าล้านควรนำมาใช้เพื่อประชาชน ไม่ใช่นำไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ เวลานี้ควรนำเงินมาทุ่มกับการแก้ไขปัญหาโควิด ซื้อวัคซีนมาฉีดให้กับประชาชน เพราะขณะนี้ฉีดไปได้เพียง 5 แสนคน จากประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคนถือว่าทำได้น้อยมาก
เมื่อถามย้ำว่า กองทัพแจงสาเหตุที่ต้องซื้อยุทโธปกรณ์ต่อเนื่องจากเป็นสัญญาผูกพัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศขณะนี้มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่ควรอ้างเรื่องงบผูกพัน เพราะมันสามารถงดหรือชะลอการชำระได้.-สำนักข่าวไทย