อย่าปกปิดไทม์ไลน์ ทำเสียกำลังช่วยคนป่วย

ทำเนียบรัฐบาล 26 เม.ย.-ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,048 เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย เตรียมจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ รพ.ทั่วประเทศ เปิดโรงพยาบาลสนามที่สมุทรสาคร ขออย่าปกปิดไทม์ไลน์ ทำบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ กักตัวจำนวนมาก


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,048 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 2,038 รายและติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 57,508 ราย หายป่วยแล้ว 31,593 ราย รักษาอยู่ 25,767 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 20,461 ราย และ โรงพยาบาลสนาม 5,306 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 563 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 150 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 148 คน

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้านี้ และหลายรายอายุน้อยลง ระยะเวลาการป่วยจนถึงช่วงที่ทรุดตัวค่อนข้างเร็ว โดยรายที่ 141 เป็นชายไทย อายุ 61 ปีอาศัยอยู่ที่ปทุมธานี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก 23 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย. รายที่ 142 เป็นชายไทย อายุ 45 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. วันที่ 17 เม.ย. มีไข้ หายใจลำบาก 19 เม.ย. พบติดเชื้อ และเสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย.


“รายที่ 143 เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่อุดรธานี เป็นโรคหลอดน้ำเหลืองและเนื้องอก 22 เม.ย. มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน 24 เม.ย.พบว่าติดเชื้อและเสียชีวิตในวันเดียวกัน รายที่ 144 เป็นชายไทย อายุ 92 ปี อาศัยอยู่ที่ชัยภูมิ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด 19 เม.ย. มีไข้ เจ็บหน้าอก 20 เม.ย.พบว่าติดเชื้อ เสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย.เสียชีวิต รายที่ 145 เป็นชายไทย อายุ 63 ปี อาศัยอยู่ที่ยะลา เป็นโรคไตวายเรื้อรัง 17 เม.ย. เหนื่อย ไอ นอนไม่หลับ 20 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 25 เม.ย.” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 146 เป็นหญิงไทย อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และไทรอยด์เป็นพิษ 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เจ็บคอ เหนื่อย 23 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 24 เม.ย. รายที่ 147 เป็นหญิงไทย อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 16 เม.ย. ไอ ปวดหลัง 20 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ เสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย. และรายที่ 148 เป็นชายไทย อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เหนื่อย 22 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 24 เม.ย.

“เมื่อแยกยอดผู้ติดเชื้อรายจังหวัด 10 อันดับแรก สูงที่สุดคือกรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อ 901 ราย รองลงมา สมุทรปราการ 110 ราย ชลบุรี 104 ราย นนทบุรี 97 ราย เชียงใหม่ 84 ราย สุราษฎร์ธานี 61 ราย สมุทรสาคร 56 ราย นครปฐม 48 ราย สงขลา 38 ราย และเพชรบุรี 32 ราย สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ในเข็มที่ 1 จำนวน 972,204 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 177,462 ราย” พญ.อภิสมัย กล่าว


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีคลัสเตอร์ใหม่ แต่หากแยกเป็นรายจังหวัด ยกตัวอย่าง กทม. มีเกินกว่า 5 คลัสเตอร์ แต่ละคลัสเตอร์พบผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน จ.เชียงใหม่ พบ 6 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 179 ราย จ.นครพนม 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 31 ราย จ.อยุธยา 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 31 ราย จ.อ่างทอง 1 คลัสเตอร์ พบผู้ป่วย 3 ราย จ.สมุทรปราการ 2 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 23 ราย และ จ.นครศรีธรรมราช 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 23 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขแจ้งที่ประชุมว่าทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศจะได้รับการจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ภายในวันนี้ (26 เม.ย.) เพื่อนำไปรักษาให้กับประชาชน

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยกตัวอย่างการแพร่ระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากว่า การตรวจหาเชื้อทำเป็นระบบและเป็นกลุ่มในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยมีความร่วมมือของทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนโรงงานต่าง ๆ เจ้าหน้าที่และแล็บที่ลงตรวจพื้นที่ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อพบผู้ติดเชื้อก็กักตัวอยู่ในโรงงาน รวมถึงส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม แต่ในเคสของ กทม. การตรวจหาเชื้อมาจากหลายโรงพยาบาล หลายแล็บทั้งใน กทม.และปริมณฑล บางครั้งการตรวจอาจไม่ได้มาตรฐาน เช่นการตรวจ Rapid test ผลที่ได้ออกมาไม่ตรงและไม่ครบถ้วน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากขึ้น โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้เพิ่มศักยภาพกระบวนการตรวจหาเชื้อ โดยให้กรมการแพทย์ทำหน้าที่รวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น โดยในส่วนของการบริหารจัดการเตรียมผู้ป่วย ต้องดำเนินการในแต่ละราย ถ้าผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวไม่มีอาการมาก ต้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม

“วานนี้มีผู้ป่วยในกทม.และปริมณฑลกลับบ้านกว่า 400 คน ทำให้มีเตียงว่างอีก 170 เตียง แต่การที่ไม่สามารถรับผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาตามจำนวนเตียงที่ว่างได้ทั้งหมด เนื่องจากทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ด้วย ดังนั้น จึงต้องรองรับผู้ป่วยอื่น แม้ว่าจะมีเตียงว่าง แต่ทรัพยากรและบุคลากรของโรงพยาบาลไม่ได้มีความพร้อม เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและทางกระทรวงสาธารณสุขจะบริหารจัดการเตียงและเพิ่มศักยภาพอย่างเต็มที่ ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจในการช่วยเหลือผู้ที่ยังรอเตียงอยู่ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการบริหารจัดการเตียงนั้นมีความยากลำบาก” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า จะเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จะเปิด Organizational Quarantine (OQ) หรือ สถานที่กักกันผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศในพื้นที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนอีก 14 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มเปิดในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือผู้ติดเชื้ออย่าปกปิดไทม์ไลน์ เพราะจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ต้องกักตัวมากขึ้น ทำให้เสียบุคลากรเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน การตำหนิ ตรวจสอบต่าง ๆ สามารถทำได้ แต่ขอให้เป็นการเสนอแนะเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]

ช่องโดนเอาว์เจอ PMN-2 อีก 8 ทุ่น ทบ.ชี้เขมรยังละเมิดข้อตกลง

17 ก.ย.- ทบ. แจงตรวจพบ PMN-2 เพิ่มเติมอีก 8 ทุ่นบริเวณช่องโดนเอาว์ จ.ศรีสะเกษ ชี้กัมพูชายังคงละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ย้ำควรรับผิดชอบและร่วมแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ วันนี้ (17 ก.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่ากองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ภายหลังจากที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 132 ฐานปฏิบัติการชนะศึก ได้ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อเสริมภารกิจด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องโดนเอาว์ ฐานปฏิบัติการชนะศึก อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (16 ก.ย.68) โดยได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบ PMN-2 จำนวน 8 ลูก มีสภาพใหม่ ติดตั้งในลักษณะพร้อมทำงาน ซึ่งทางหน่วยได้ทำการเก็บกู้รื้อถอนและนำเก็บเพื่อรอการทำลายเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการตรวจพบระเบิดดังกล่าว เป็นเครื่องยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชายังคงมีความพยายามอย่างไม่ลดละในการใช้อาวุธต่อกำลังของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน และเป็นพฤติกรรมที่สวนทางกับข้อตกลงที่กัมพูชาได้ให้ไว้ในที่ประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ในเรื่องความร่วมมือที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งจากนี้กองทัพบกจะนำหลักฐานที่ได้ตรวจพบทั้งหมดในพื้นที่ รวบรวมนำส่งให้ส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร้องเรียนตามกระบวนการในเวทีสากลต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือกัมพูชา […]

ไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เขมรป่วนไม่เลิก

17 ก.ย.- เปิดไทม์ไลน์เหตุเผชิญหน้า “บ้านหนองหญ้าแก้ว” เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง หลังชาวเขมรชุมนุมประท้วง ก่อความวุ่นวาย ล่าสุดสถานการณ์ทั่วไปอยู่ในความควบคุม แต่กลุ่มชาวกัมพูชายังคงปักหลักใกล้แนวชายแดน.-สำนักข่าวไทย

ทำเนียบฯ เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่

ทำเนียบ 17 ก.ย.- ทำเนียบรัฐบาล เตรียมพร้อมสถานที่รับนายกฯ-ครม.ใหม่ ถ่ายรูปติดบัตร ก่อนถวายสัตย์ปฏิญาณ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัวของคณะรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอน และยังมีการตัดแต่งต้นไม้ บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล และตัดหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการถ่ายรูปหมู่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นห้องทำงานของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และวันนี้มีการส่งทีมงานเข้ามาดูห้องทำงานภายในตึกบัญชาการ 1 ด้วย สำหรับตำแหน่งว่าที่รองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลอนุทิน มีชื่อทั้งหมด 7 คน ได้แก่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และนายโสภณ​ ​ซา​รัมย์​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​ ขณะที่ตำแหน่งว่าที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี […]