อย่าปกปิดไทม์ไลน์ ทำเสียกำลังช่วยคนป่วย

ทำเนียบรัฐบาล 26 เม.ย.-ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,048 เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย เตรียมจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ให้ รพ.ทั่วประเทศ เปิดโรงพยาบาลสนามที่สมุทรสาคร ขออย่าปกปิดไทม์ไลน์ ทำบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ กักตัวจำนวนมาก


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2,048 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 2,038 รายและติดเชื้อจากต่างประเทศ 10 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 57,508 ราย หายป่วยแล้ว 31,593 ราย รักษาอยู่ 25,767 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 20,461 ราย และ โรงพยาบาลสนาม 5,306 ราย มีผู้ป่วยอาการหนัก 563 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 150 ราย ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 148 คน

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยันก่อนหน้านี้ และหลายรายอายุน้อยลง ระยะเวลาการป่วยจนถึงช่วงที่ทรุดตัวค่อนข้างเร็ว โดยรายที่ 141 เป็นชายไทย อายุ 61 ปีอาศัยอยู่ที่ปทุมธานี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก 23 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย. รายที่ 142 เป็นชายไทย อายุ 45 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. วันที่ 17 เม.ย. มีไข้ หายใจลำบาก 19 เม.ย. พบติดเชื้อ และเสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย.


“รายที่ 143 เป็นชายไทย อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่อุดรธานี เป็นโรคหลอดน้ำเหลืองและเนื้องอก 22 เม.ย. มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน 24 เม.ย.พบว่าติดเชื้อและเสียชีวิตในวันเดียวกัน รายที่ 144 เป็นชายไทย อายุ 92 ปี อาศัยอยู่ที่ชัยภูมิ เป็นโรคหัวใจขาดเลือด 19 เม.ย. มีไข้ เจ็บหน้าอก 20 เม.ย.พบว่าติดเชื้อ เสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย.เสียชีวิต รายที่ 145 เป็นชายไทย อายุ 63 ปี อาศัยอยู่ที่ยะลา เป็นโรคไตวายเรื้อรัง 17 เม.ย. เหนื่อย ไอ นอนไม่หลับ 20 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 25 เม.ย.” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายที่ 146 เป็นหญิงไทย อายุ 52 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และไทรอยด์เป็นพิษ 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เจ็บคอ เหนื่อย 23 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 24 เม.ย. รายที่ 147 เป็นหญิงไทย อายุ 57 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. เป็นโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท 16 เม.ย. ไอ ปวดหลัง 20 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ เสียชีวิตวันที่ 24 เม.ย. และรายที่ 148 เป็นชายไทย อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ที่ กทม. มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง 17 เม.ย. มีไข้ ไอ เหนื่อย 22 เม.ย. พบว่าติดเชื้อ และเสียชีวิตในวันที่ 24 เม.ย.

“เมื่อแยกยอดผู้ติดเชื้อรายจังหวัด 10 อันดับแรก สูงที่สุดคือกรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อ 901 ราย รองลงมา สมุทรปราการ 110 ราย ชลบุรี 104 ราย นนทบุรี 97 ราย เชียงใหม่ 84 ราย สุราษฎร์ธานี 61 ราย สมุทรสาคร 56 ราย นครปฐม 48 ราย สงขลา 38 ราย และเพชรบุรี 32 ราย สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ในเข็มที่ 1 จำนวน 972,204 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 177,462 ราย” พญ.อภิสมัย กล่าว


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า สถานการณ์ส่วนใหญ่ไม่พบว่ามีคลัสเตอร์ใหม่ แต่หากแยกเป็นรายจังหวัด ยกตัวอย่าง กทม. มีเกินกว่า 5 คลัสเตอร์ แต่ละคลัสเตอร์พบผู้ติดเชื้อเกิน 50 คน จ.เชียงใหม่ พบ 6 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 179 ราย จ.นครพนม 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 31 ราย จ.อยุธยา 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 31 ราย จ.อ่างทอง 1 คลัสเตอร์ พบผู้ป่วย 3 ราย จ.สมุทรปราการ 2 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 23 ราย และ จ.นครศรีธรรมราช 1 คลัสเตอร์ มีผู้ป่วยรวม 23 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขแจ้งที่ประชุมว่าทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศจะได้รับการจัดส่งยาฟาวิพิราเวียร์ภายในวันนี้ (26 เม.ย.) เพื่อนำไปรักษาให้กับประชาชน

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ยกตัวอย่างการแพร่ระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากว่า การตรวจหาเชื้อทำเป็นระบบและเป็นกลุ่มในพื้นที่ที่มีการระบาด โดยมีความร่วมมือของทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนโรงงานต่าง ๆ เจ้าหน้าที่และแล็บที่ลงตรวจพื้นที่ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อพบผู้ติดเชื้อก็กักตัวอยู่ในโรงงาน รวมถึงส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม แต่ในเคสของ กทม. การตรวจหาเชื้อมาจากหลายโรงพยาบาล หลายแล็บทั้งใน กทม.และปริมณฑล บางครั้งการตรวจอาจไม่ได้มาตรฐาน เช่นการตรวจ Rapid test ผลที่ได้ออกมาไม่ตรงและไม่ครบถ้วน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการทำงานมากขึ้น โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำให้เพิ่มศักยภาพกระบวนการตรวจหาเชื้อ โดยให้กรมการแพทย์ทำหน้าที่รวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วมากขึ้น โดยในส่วนของการบริหารจัดการเตรียมผู้ป่วย ต้องดำเนินการในแต่ละราย ถ้าผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มสีเขียวไม่มีอาการมาก ต้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม

“วานนี้มีผู้ป่วยในกทม.และปริมณฑลกลับบ้านกว่า 400 คน ทำให้มีเตียงว่างอีก 170 เตียง แต่การที่ไม่สามารถรับผู้ป่วยโควิด-19 มารักษาตามจำนวนเตียงที่ว่างได้ทั้งหมด เนื่องจากทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ด้วย ดังนั้น จึงต้องรองรับผู้ป่วยอื่น แม้ว่าจะมีเตียงว่าง แต่ทรัพยากรและบุคลากรของโรงพยาบาลไม่ได้มีความพร้อม เช่น การใช้เครื่องช่วยหายใจ จึงขอให้ประชาชนเข้าใจและทางกระทรวงสาธารณสุขจะบริหารจัดการเตียงและเพิ่มศักยภาพอย่างเต็มที่ ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจในการช่วยเหลือผู้ที่ยังรอเตียงอยู่ แต่อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าการบริหารจัดการเตียงนั้นมีความยากลำบาก” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า จะเตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จะเปิด Organizational Quarantine (OQ) หรือ สถานที่กักกันผู้เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศในพื้นที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนอีก 14 แห่งทั่วประเทศ โดยจะเริ่มเปิดในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือผู้ติดเชื้ออย่าปกปิดไทม์ไลน์ เพราะจะทำให้บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเพิ่มขึ้น รวมถึงมีบุคลากรทางการแพทย์ต้องกักตัวมากขึ้น ทำให้เสียบุคลากรเป็นจำนวนมาก จึงขอให้ทุกคนร่วมด้วยช่วยกัน การตำหนิ ตรวจสอบต่าง ๆ สามารถทำได้ แต่ขอให้เป็นการเสนอแนะเพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนทุกคนปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]