รัฐสภา 26 เม.ย.-เลขาฯ สภาแจงผู้ติดเชื้อโควิดสภาล่าสุดเป็นผู้แทนบริษัทคุมงานก่อสร้างไม่ใช่คนของชิโน-ไทย ติดจากภรรยา สั่งผู้ร่วมประชุมตรวจหาเชื้อ กักตัว 14วัน พร้อมทำแผนรองรับประชุมสภา-กมธ.งบ หลังเปิดสมัยประชุม เชื่อโควิดยังไม่หมด
นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดที่สภา ว่าเป็นผู้แทนบริษัทควบคุมงานก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ไม่ใช่ ผู้บริหารบริษัทชิโน-ไทย” ซึ่งเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมาเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการตรวจการจ้าง โดยบุคคลดังกล่าวทราบผลการตรวจเมื่อวันที่ 25 เมษายนและแจ้งให้คณะกรรมการ ผู้แทนสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่เข้าร่วมประชุมทราบ ว่าติดจากภรรยา ไม่ใช่ที่สภา จึงสั่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 14 คนกักตัว 14 วันและปฏิบัติตนตามมาตรการการสาธารณสุข รวมทั้งไปตรวจหาเชื้อ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทำงานของสภายังคงต้องเดินหน้า
“ที่ต้องประชุมในวันดังกล่าวเพราะ มีการประสานว่าต้องการให้ตรวจรับงานการก่อสร้างอาคารรัฐสภาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งตอนแรกมีสัญญาใจกันว่าจะให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ ดังนั้น แม้ว่าการประชุมตรวจรับงานตามระเบียบไม่สามารถประชุมผ่านระบบออนไลน์ได้ แต่จะยังคงประชุมประสานงานเป็นการภายในไปก่อน และปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข เว้นระยะห่างใส่หน้ากาก และให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองในระดับสูงสุด เพราะเชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 จะยังคงมีอยู่ แต่ในส่วนของข้าราชการ หากไม่จำเป็นต้องมา ก็จะใช้วิธีทำงานที่บ้าน” เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นางพรพิศ กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรองรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะเปิดสมัยประชุมในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ว่า การตัดสินใจจะประชุมสภา หรือไม่ต้องแล้วแต่คณะกรรมการประสานงานของฝ่ายค้าน รัฐบาลและประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ในส่วนของฝ่ายข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดทำแผนเตรียมมาตรการไว้รองรับแล้ว หากจำเป็นต้องประชุม รวมถึงการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 โดยเตรียมห้องประชุมใหญ่ จัดที่นั่งแบบเว้นระยะห่างให้เพียงพอ และเตรียมพื้นที่สำหรับผู้รอมาชี้แจง จัดลำดับโดยแจ้งผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งจะมีมาตรการที่เข้มงวด โดยผู้ที่จะเข้ามาชี้แจงต้องแจ้งว่ามีจำนวนเท่าไร ในส่วนของผู้ที่ติดตามคณะจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ขณะเดียวกันจะขอความร่วมมือไปยังส.ส.และคณะรัฐมนตรี(ครม.) หากจะต้องประชุมท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในขณะนี้.-สำนักข่าวไทย