กกต. วันนี้ ( 26 เม.ย.) “ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.กลางสอบ ผอ.กกต.ปทุมธานี ไม่ทำตามกฎหมายหลังชาวบ้านร้องมีการซื้อเสียงเทศบาล พร้อมเอาผิดจริยธรรมเหตุกล่าวให้ร้ายต่อหน้าชาวบ้านที่ไปร้องเรียน ยืนยันไม่เคยรับจ๊อบร้องเรียน ไม่เคยเรียกเงินชาวบ้าน
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต.สอบสวนหรือเอาผิดทางวินัยและจริยธรรม กับผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดปทุมธานี กรณีไม่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากการเลือกตั้งเทศบาลเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ปรากฏหลายพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานีมีการร้องเรียนว่ามีการซื้อเสียง และมีประชาชนไปร้องเรียนพร้อมหลักฐานว่ามีหัวคะแนนไปซื้อเสียง แต่ไม่มีความคืบหน้า แต่กลับกล่าวร้ายต่อผู้มาร้องเรียน ซึ่งโดยกฎหมายของ กกต.และกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดไว้ชัดเจน ในมาตรา 106 วรรคสาม กำหนดว่าหาก ผอ.กกต.ได้รับการร้องเรียนแล้วจะต้องนำความไปแจ้งให้ กกต.กลางดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริง หรือสั่งให้มีการไต่สวนโดยพลัน แต่ ผอ.กกต.ปทุมธานีกลับเพิกเฉย ไม่ดำเนินการที่กฎหมายกำหนด จึงเข้าข่ายละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยของข้าราชการ ของ กกต.อีกด้วย
จึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่อาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรมได้ จึงร้องให้ กกต.ดำเนินการเอาผิดต่อ ผอ.กกต.ปทุมธานี และขอให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนว่าการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในจังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองลาดสวาย อำเภอลำลูกกา มีการทุจริตซื้อเสียงจริงหรือไม่ ส่วนการที่ ผอ.กกต.ปทุมธานีกล่าวร้ายป้ายสีคนอื่นต่อหน้าประชาชนที่ไปร้องทุกข์ อาจเข้าข่ายความผิดประมวลจริยธรรมของ กกต.ด้วย จึงขอให้ กกต.กลางได้พิจารณาและลงโทษ
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า เมื่อชาวบ้านพบการทุจริตซื้อเสียง โดยมีหัวคะแนนนำเงินจำนวน 500 บาท มาจ่ายเพื่อให้ไปเลือกผู้สมัครบางราย จึงไปแจ้งความร้องทุกข์มีการลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สน.คูคต และไปร้องให้ ผอ.กกต.ปทุมธานี ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งการไปร้องให้ตรวจสอบอาจล่าช้าไปเล็กน้อย เพราะชาวบ้านให้เหตุผลว่าต้องมาขอคำปรึกษาจากตัวเองก่อน ในฐานะเป็นนักกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าว การซื้อเสียงชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ปรากฏว่า ผอ.กกต.ปทุมธานี กลับพูดกับชาวบ้านที่ไปร้องเรียนการทุจริต ว่า “อ๋อ คุณศรีสุวรรณ จรรยา น่ะเหรอ เค้ารับจ้างร้องเรียนอยู่แล้วนี่” ซึ่งการกล่าวพาดพิงถึงตัวเองก็เข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมของ กกต.อีกด้วย
“คำว่ารับจ้างร้องเรียน ผมคิดว่าเป็นการดูหมิ่น ดูแคลนผมโดยชัดเจน ต่อหน้าชาวบ้านที่ไปร้องเรียน โดยปกติแล้วผมจะนำความที่ชาวบ้านร้องเรียนทั่วประเทศ ไม่ว่าเรื่องใดที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม มาร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำคดีไปฟ้องต่อศาล ซึ่งเรื่องร้องเรียนเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 100 เรื่องอยู่แล้ว โดยเป็นเรื่องปกติวิสัยของผม ทุกครั้งที่ไปฟ้องคดีไม่เคยเรียกรับเงินจากผู้รองเรียน หรือจากชาวบ้านทั้งสิ้น และการที่มากล่าวร้ายกับผมเป็นผู้รับจ้างร้องเรียนนี่ ผมคิดว่าเป็นการหมิ่นประมาทผม ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 แต่ผมไม่เอาผิดเรื่องความอาญา แต่จะเอาผิดวินัยและประมวลจริยธรรมของ กกต.เพื่อดำเนินการเอาผิด ผอ.กกต.ปทุมธานี” นายศรีสุวรรณ กล่าว .-สำนักข่าวไทย