ติดเชื้อลดลง แต่ยังต้องดูแลเข้ม

ทำเนียบรัฐบาล 19 เม.ย.- ศบค.เผยตัวเลขติดเชื้อวันนี้ 1,390 ราย แม้จะลดลง แต่ยังวางใจไม่ได้ ย้ำทุกคนต้องดูแลตัวเองตามมาตรการ ศธ.เคร่งครัด ชี้ถ้าไม่ร่วมมือกัน กำลังเจ้าหน้าที่อาจไม่พอ


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 วันนี้(19 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 1,390 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 43,742 ราย หายป่วยแล้ว 28,787 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 14,851 รายเสียชีวิตเพิ่ม 3 คน ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 104 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 – 19 เมษายน 2564 จำนวน 14,879 ราย โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 1,390 ราย เป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 1,384 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 1,058 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 326 ราย เป็นผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 6 ราย กลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย อินเดีย 1 ราย บาห์เรน 2 ราย มาเลเซีย 2 ราย

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 3 ราย รายแรกเป็นชาย อายุ 56 ปี อาชีพ พนักงานเสิร์ฟในสถานบันเทิง กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองตีบ กลับบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 7 เมษายน วันที่ 13 เมษายน มีอาการไอ นอนพักอยู่ที่บ้าน วันที่ 17 เมษายน มีอาการเหนื่อยมากขึ้น หายใจติดขัด ติดต่อรถพยาบาลมารับ อาการแย่ลง เจ้าหน้าที่ทำการฟื้นคืนชีพไม่ดีขึ้น ผลการตรวจพบเชื้อโควิด19 และเสียชีวิตในวันที่ 18 เมษายน เวลา 00.31 น.


พญ.อภิสมัย กล่าวว่า รายที่ 2 ผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 84 ปี มีโรคประจำตัว คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจตีบ ไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย พักอยู่ที่กรุงเทพฯ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า คือ หลานชายที่ทำงานในสถานบันเทิง รัชดา วันที่ 8 เมษายน มีอาการไข้ ไอ เหนื่อยหอบ ผลเอกซเรย์เป็นปอดอักเสบรุนแรง แพทย์พิจารณาใส่ท่อช่วยหายใจ วันที่ 10 เมษายน ผลยืนยันพบเชื้อโควิค19, วันที่ 16 เมษายน ความดันโลหิตตก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนรายสุดท้าย เป็นเพศหญิง อายุ 61 ปี อาชีพค้าขาย เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไทรอยด์ ขณะป่วยอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยวันที่ 6 เมษายน ร่วมรับประทานอาหารกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าที่ ติดจากสถานบันเทิงหัวหิน วันที่ 8 เมษายน ตรวจหาเชื้อ covid19 เนื่องจากได้รับแจ้งว่าเพื่อนพบเชื้อ วันที่ 10 เมษายน ผลยืนยันพบเชื้อโควิด-19 วันที่ 11 เมษายน เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล วันที่ 18 เมษายน มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ภาพรวมตั้งแต่วันที่ 4-10 เมษายน ก่อนเทศกาลสงกรานต์ ทั่วประเทศเริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น 1-10 ราย ใน 62 จังหวัด แต่จากนั้นช่วงวันที่ 11-17 เมษายน พบว่าหลายจังหวัดเริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อเกิน 10 ราย และมีหลายจังหวัดมีรายงานผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนเกิน 50 ราย หลายพื้นที่เป็นการติดเชื้อที่เชื่อมโยงมาจากจังหวัดอื่น อาทิ จากไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อจากจังหวัดสระแก้ว เป็นชายอายุ 41 ปี เจ้าของธุรกิจ ทำงานในสถานบันเทิง วันที่ 27 มีนาคม ไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อกับเพื่อน 3 คน และยังเดินทางไปพบปะผู้คนอีกหลายแห่ง รวมทั้งยังแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัว ตรวจพบเชื้อวันที่ 4 เมษายน และพบว่ามีผู้สัมผัสใกล้ชิด ยืนยันติดเชื้อแล้ว 26 ราย


“การปรับระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคของแต่ละพื้นที่เพื่อลดการเคลื่อนย้าย ลดการเดินทาง ที่กำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 23.00 น.- 04:00 น. จะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อได้ ขณะที่กระทรวงคมนาคมพยายามจัดระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการงดการเดินทาง งดการเคลื่อนย้าย และขอความร่วมมือสถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชนให้พนักงาน work from home เต็มรูปแบบ ซึ่งหากทำได้ เชื่อว่า 2 สัปดาห์นับจากนี้จะลดอัตราการติดเชื้อลงได้” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ส่วนกิจการและกิจกรรมที่ยังมีความจำเป็นยังสามารถทำได้ แต่ขอความร่วมมือให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุข หากกิจกรรมใดสามารถชะลอได้ ขอให้เลื่อนออกไปก่อน โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก แม้วันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง แต่ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ มาตรการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ยังมีความจำเป็น รวมทั้งลดความขัดแย้งเรื่องการกล่าวโทษผู้ติดเชื้อ

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก 141.9 ล้านราย เสียชีวิตแล้วทั่วโลก 3 ล้านคน สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 32.4 ล้านราย อินเดีย 15 ล้านราย ซึ่งเพียงวันเดียวผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 275,306 ราย บราซิล 13.9 ล้านราย ฝรั่งเศส 5.2 ล้านราย รัสเซีย 4.7 ล้านราย ขณะที่ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 109

ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ป่วยหลายคนยังไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากเตียงไม่เพียงพอ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จากข้อมูลวันที่ 1-8 เมษายน มีบุคลากรทางการแพทย์ 146 ราย ส่วนใหญ่เป็นแพทย์และพยาบาล 33 รายติดเชื้อจากการทำงาน เพราะมีการปกปิดไทม์ไลน์ นอกจากนั้นติดเชื้อจากคนใกล้ชิดในครอบครัว ซึ่งหากยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละ 1,000 คน เป็นเวลา 10 วัน อาจไม่มีเตียงเพียงพอสำหรับคนไข้ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษาและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งต้องเตรียมการล่วงหน้า

“ถ้าสถานประกอบการและประชาชน ไม่ให้ความร่วมมือ บุคลากรด่านหน้าที่กำลังทำหน้าที่อยู่คงไม่สามารถรับมือไหว จึงอยากขอความร่วมมือให้ทุกคนร่วมมือกัน และดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก ล้างมือ อย่างเคร่งครัด” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไท

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กระเช้าหลุด ช่างทาสีร่วงตึก 5 ชั้น ตาย 1 สาหัส 1

พัทลุง 2 ส.ค. – เกิดเหตุสลด กระเช้าปลายบูมหลุดจากเครน ช่างทาสีร่วงจากตึก 5 ชั้น เสียชีวิต 1 เจ็บสาหัส 1 ที่ไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียน จ.พัทลุง เกิดเหตุสลดกลางไซต์งานก่อสร้างอาคารเรียนแห่งหนึ่ง ในตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง เมื่อกระเช้าที่ผูกติดกับหัวเครนเกิดหัก หลุดจากตึกสูง 5 ชั้น ส่งผลให้ช่างทาสี 2 คน ที่อยู่บนกระเช้าร่วงตกลงกระแทกพื้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทันที 1 คน คือ นายธวัชชัย อายุ 36 ปี และนายชุติเดช อายุ 43 ปี บาดเจ็บสาหัส ขาทั้งสองข้างหักละเอียด แขนซ้ายหักผิดรูป เจ้าหน้าที่เร่งให้การช่วยเหลือก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลพัทลุงอย่างเร่งด่วน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนงานทั้ง 2 เป็นช่างทาสี ได้ขึ้นกระเช้าเหล็กเพื่อขึ้นไปทาสีบริเวณชั้น 5 ของอาคาร ซึ่งมีความสูงประมาณ 26 เมตร แต่ด้วยน้ำหนักของคนงานทั้งสองคน […]

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]