แนะรัฐต้องมีแผนกระจายวัคซีนชัดเจน

พรรคเพื่อไทย 19 เม.ย.-เพื่อไทยเสวนาวิกฤตและทางออกโควิดระลอก 3 เสนอนายกฯ เร่งเยียวยาเดือนละ 5 พัน 3 เดือน ชี้เศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ถ้าไม่เปลี่ยนผู้นำ แนะต้องมีแผนกระจายวัคซีนที่ชัดเจน และฉีดให้กับประชาชน 40 ล้านคนภายในปีนี้


พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาวิกฤติและทางออกโควิดระลอก 3 โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน และประธานอนุกรรมการนโยบายด้านสาธารณสุข นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคฯ และผอ. ศูนย์นโยบายฯพรรค และนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคและประธานอนุกรรมการนโยบายด้านท่องเที่ยวร่วมการเสวนา

นายพิชัย กล่าวว่า รัฐบาลยอมรับแล้วว่าเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะขยายตัวไม่ถึง 4% และมีโอกาสที่ขยายตัวได้ต่ำ ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้ เมื่อมีการระบาดของโควิดครั้งนี้ เศรษฐกิจไทยจึงหมดหวังและคาดจะขยายตัวได้ไม่ถึง 2% และหากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยอาจจะติดลบได้อีก ซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก โดยมีการประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 4.5 แสนล้านบาท


“สาเหตุของการระบาดทั้ง 3 ครั้งมาจากคนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ตั้งแต่ครั้งแรกที่สนามมวย ครั้งที่ 2 จากบ่อนการพนัน และการขนแรงงานเถื่อนที่โยงใยกับคนในรัฐบาล และล่าสุดเกิดจากสถานบันเทิงอโคจรที่คาดว่ามี ครม.เข้าไปเที่ยวกันหลายท่าน จนถูกขนานนามว่าเป็นไทยคู่ฟ้าคลับ เรื่องเหล่านี้จึงทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าในอนาคตจะแพร่ระบาดอีกหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่จริงจังในการลงโทษคนกระทำผิด ที่เชื่อว่าจะเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาล จึงชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลบริหารงานล้มเหลวมาตลอด ไม่ถูกตำหนิก็ไม่ยอมแก้ไข ไม่เคยคิดล่วงหน้า ขาดวิสัยทัศน์อย่างรุนแรง รัฐบาลใช้เงินมากมายในการเยียวยา แต่กลับไม่ใช้เงินในการจัดหาวัคซีนตั้งแต่แรก ทำให้การระบาดเป็นวงกว้าง จนเตียงในโรงพยาบาลต่างๆเต็มหมด และต้องขยายโรงพยาบาลสนามเพิ่มขึ้น” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวว่า ขอเสนอแนวทางออกของประเทศไทย 6 แนวทาง คือ นายกรัฐมนตรีต้องเร่งเยียวยาประชาชนโดยด่วน โดยให้เยียวยาประชาชนเดือนละ 5,000 บาท จำนวน 3 เดือน และจ่ายเป็นเงินสด และ หลังจากเยียวยาแล้ว นายกฯ ควรจะต้องออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ รัฐบาลจะต้องเร่งหาวัคซีนมากระจายการฉีดให้กับประชาชนโดยเร็ว และต้องหลากหลายยี่ห้อ และรัฐบาลต้องมีแผนงานการกระจายฉีดวัคซีนอย่างชัดเจนเพื่อให้ประชาชนมั่นใจ ,เร่งช่วยเหลือธุรกิจ SME การให้ซอฟท์โลนอย่างเร่งด่วน เร่งสร้างความมั่นใจให้กลับมาโดยเร็ว ซึ่งในสายตาของต่างชาติประเทศไทยในปัจจุบันไม่ต่างจากเมียนมา

“ถ้านายกฯ ยังอยู่ต่อไป เศรษฐกิจไทยจะยิ่งเสื่อมถอยไปเรื่อย ๆ เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาหลักของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และสุดท้าย ต้องเร่งสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศ โดยการปล่อยนักศึกษาและแกนนำผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขัง ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด อีกทั้งต้องให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน” นายพิชัย กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งจัดหาวัคซีนและฉีดให้กับประชาชนในปีนี้ให้ได้ถึง 40 ล้านคน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันและไม่เกิดการแพร่ระบาดออกไปอีก ซึ่งล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุดถึงกว่า 1,700 รายภายในหนึ่งวัน และเมื่อคำนวณอัตราการแพร่เชื้อ พบว่า 1 คนสามารถแพร่เชื้อได้อีก 2-3 คน ดังนั้นถ้าภายใน 30 วันรัฐบาลไม่มีมาตรการที่ชัดเจนออกมาจะทำให้มีผู้ติดเชื้อสูงถึงกว่า 1 แสน 3 หมื่นราย ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤติ


“จากนี้ทุกคนจะต้องทำหน้าที่เป็นหมอ ดูแลตนเองและครอบครัวไม่ให้มีโอกาสเสี่ยง ภาครัฐและเอกชนทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ทั้งนี้ ผู้นำประเทศภาครัฐและศบค.ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าจะมีมาตรการออกมารองรับเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้ลดลง เนื่องจากมาตรการในขนาดนี้ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและเห็นว่าภายหลังจากที่นายกฯ ได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นการแถลงที่ทำให้ทุกคนหมดหวังและหมดกำลังใจ” นพ.ชลน่าน กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 แบ่งออกเป็นสองด้าน คือด้านสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันด้านสาธารณสุขกำลังมีปัญหา ดังนั้นด้านเศรษฐกิจจะต้องพยายามพยุงตัวเองให้ไหว แต่ขณะนี้รัฐบาลยังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด ดังนั้น ทางออกคือเรื่องของวัคซีนและการท่องเที่ยวที่จะช่วยให้เศรษฐกิจได้ฟื้นตัว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดการท่องเที่ยวได้จริงในช่วงต้นปีหน้า อีกทั้งมองว่าการส่งออกจะสามารถช่วยฟื้นเศรษฐกิจของไทยได้ เนื่องจากการส่งออกไม่ได้ส่งผลกระทบหรือแปรผันไปกับการติดเชื้อ จึงเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนให้มีการลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรในเชิงยุทธศาสตร์เพื่อการส่งออก และดึงเงินจากผู้มีกำลังซื้อ มาซื้อสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ อสังหาริมทรัพย์และเฟอร์นิเจอร์ เพื่อเหนียวนำให้เกิดการลงทุนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย