กรุงเทพ ฯ 19 เม.ย.-รัฐบาลเดินหน้า “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ส่งออกสินค้าเกษตรโต เร่งใช้ประโยชน์FTA รับรองมาตรฐานด้านการจัดการสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยแนวทางการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีโอกาสเติบโตสูงว่า รัฐบาลใช้แนวทางเกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด โดยเป็นการขับเคลื่อนการทำงานอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร ตั้งแต่การผลิตที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องความต้องการผู้บริโภค มีประสิทธิภาพ และการจัดการการตลาดในตลาดต่างประเทศ ใช้ประโยชน์จากการค้าเสรีให้ได้มากที่สุด
“แนวโน้มปี 2564 พบว่าการส่งออกสินค้าเกษตรจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รายงานว่า การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ของไทยไปตลาดโลกในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ปีนี้ ขยายตัว โดยกลุ่มผักผลไม้ยังขยายตัวมากที่สุด คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวประมาณ 1.9-2.9% สาขาปศุสัตว์ขยายตัว 1-2% สาขาประมงขยายตัว 0.1-1.1% สาขาบริการทางการเกษตรขยายตัว 0.2-1.2% และป่าไม้ขยายตัว 1-2%” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า หากเจาะลึกตลาดที่ประเทศไทยมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับ 18 ประเทศ จากข้อตกลง 13 ฉบับ ในปี 2563 สินค้าเกษตรส่งออก 14,876 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปี 2562 และคิดเป็น 71% ของการส่งออกสินค้าเกษตรไปทั่วโลก ด้วยประโยชน์จาก FTA ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ให้ความรู้กับเกษตรกรกรและผู้ประกอบการเพื่อเร่งให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อตกลง FTA จะได้เพิ่มโอกาสในการส่งออก เฉพาะตลาดส่งออกผลไม้ ที่ปีที่แล้วมีมูลค่า 1.04 แสนล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดแผนงานจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ ระหว่างผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่ายจากต่างประเทศ และที่ได้จัดไปแล้วเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา มีประเทศเข้าร่วม อาทิ จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา สเปน ก่อให้เกิดการเจรจาซื้อขาย ไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านบาท
“นอกจากการหาตลาดแล้ว สิ่งที่จะสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคต่อสินค้าเกษตรไทย คือ มาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และสำหรับสินค้าปศุสัตว์และประมง จะเดินหน้าพัฒนาฟาร์มเลี้ยงทั่วประเทศให้ได้มาตรฐาน GAP และ GMP หรือมาตรฐานด้านการจัดการสุขลักษณะที่ดีในสถานประกอบการ รวมถึงระบบควบคุมคุณภาพการผลิตที่ใช้เป็นเงื่อนไขทางการค้าเพื่อส่งออกต่างประเทศ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับความกังวลเรื่องการแปรปรวนของสภาพอากาศ ที่เป็นความเสี่ยงของภาคการเกษตร รัฐบาลได้มีแนวทางป้องกันไว้แล้ว อาทิ การติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ การพัฒนาระบบเตือนภัยด้านการเกษตร อีกทั้งทางกระทรวงเกษตรฯอยู่ระหว่างการศึกษาวิจัยโครงการส่งเสริมการพัฒนาระบบประกันภัยผลผลิตทางการเกษตร จะแล้วเสร็จในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติให้ครอบคลุมทุกชนิดสินค้าเกษตร คาดว่าจะสามารถลดงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกรณีเกิดภัยพิบัติ มากถึงปีละ 1 แสนล้านบาท หากเปลี่ยนแปลงงบดังกล่าวให้อยู่ในรูปแบบประกันภัยที่เกษตรกรสามารถบริหารจัดการด้านการเงินของตัวเองได้อย่างยั่งยืน นำไปสู่การยกระดับความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น
“แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว แต่สำหรับประเทศไทยการส่งออกสินค้าเกษตรกลับเติบโตสวนทางสินค้าอื่น การปรับตัวของเกษตรกรและผู้ประกอบการจึงเป็นเรื่องจำเป็น ทั้งในประเด็นการพัฒนากระบวนการผลิตและวิธีการทำการตลาด โดยคำนึงถึงมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย และใช้ประโยชน์จาก FTA นำไปสู่การเพิ่มราย ซึ่งรัฐบาลได้เร่งดำเนินการให้การสนับสนุนอยู่” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย