กรุงเทพฯ วันนี้ ( 16 เม.ย. ) เพื่อไทย จี้นายกฯ ขอโทษและเร่งช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว ชี้ บริหารวัคซีนล้มเหลว ทำเศรษฐกิจทรุดหนัก แนะตรวจสอบเส้นทางการเงินหาผู้กระทำผิด
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. เชียงใหม่ รองเลขาธิการและคณะทำงานเศรษฐกิจ ประธานอนุกรรมการนโยบายด้านท่องเที่ยวพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ออกมาขอโทษประชาชน โดยเฉพาะคนในภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบซ้ำซ้อน จากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในเทศกาลสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปธุรกิจท่องเที่ยวต่างก็คาดหวังว่าจะหารายได้ เพื่อมาเยียวยาธุรกิจที่หยุดชะงักมาเป็นปีต้องฝันสลาย ทั้งนี้เพราะรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ล้มเหลวในการบริหารจัดการควบคุมไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังมีข่าวรัฐมนตรีบางคนเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงอโคจร ทำให้การระบาดของเชื้อไวรัสยิ่งแพร่กระจายเข้าสู่บุคคลากรทางการเมือง สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับประเทศอย่างมาก และยังหาผู้รับผิดชอบมาลงโทษไม่ได้
“มีแต่เล่นงานปลาซิวปลาสร้อย แต่รายใหญ่ลอยนวลตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ การแพร่ระบาดครั้งแรกเกิดจากสนามมวย ครั้งที่สองเกิดจากบ่อนการพนันและขบวนการลักลอบนำเข้าแรงงานเถื่อน จนมาถึงครั้งที่สามนี้ที่เป็นสถานบันเทิงอโคจร โดยทั้ง 3 ครั้งสาเหตุยึดโยงไปถึงคนในรัฐบาลทุกครั้ง แต่กลับไม่สามารถนำผู้กระทำที่แท้จริงรายใหญ่มาลงโทษได้” นายจักรพลกล่าว
นายจักรพล กล่าวอีกว่าที่ผ่านมาตนและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ได้เรียกร้องให้มีการบริหารจัดการการกระจายการฉีดวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ และควรจะต้องมีวัคซีนหลายยี่ห้อ โดยได้เสนอแนะการวางแผนล่วงหน้าเลยไปถึงการมีพาสปอร์ตวัคซีนแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปสู่การเปิดประเทศ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และการค้าการลงทุน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยที่กำลังทรุดหนัก โดยรัฐบาลได้ส่งคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจออกมาตอบโต้ แต่กลับไม่นำไปปฏิบัติ การบริหารจัดการเรื่องวัคซีนจึงล้มเหลวอย่างไม่น่าให้อภัย การกระจายการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดในโลก ต่ำกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวน้อยกว่าไทยมากเสียอีก แสดงถึงความล้มเหลวและการด้อยประสิทธิภาพ
ดังนั้นนอกจากพลเอกประยุทธ์จะต้องขอโทษประชาชนแล้ว จะต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมากว่า 1 ปีแล้ว และยังมาเจอการระบาดครั้งที่ 3 ที่เกิดจากความผิดพลาดของรัฐบาลเองซ้ำ ขณะเดียวกันต้องเอาจริงเอาจังในการนำคนผิดมาลงโทษในการระบาด 2 ครั้งแรก จึงทำให้เกิดการระบาดครั้งที่ 3 และหากยังไม่จริงจังอีก ก็อาจจะเกิดครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 และ ครั้งที่ 6 ได้ ซึ่งจะส่งกระทบซ้ำเติมอย่างมหาศาล ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเข้มงวดหาคนผิดตัวใหญ่มาลงโทษให้ได้ในครั้งนี้ ซึ่งสามารถทำได้ดูจากเส้นทางทางการเงินว่ารายได้จากสถานบันเทิงอโคจรเหล่านี้ได้มีการโอนย้ายไปให้ใครบ้าง อีกทั้งต้องลงโทษ ครม. ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและไปเที่ยวสถานบันเทิงอโคจรเหล่านี้ด้วย เพราะต้องระลึกเสมอว่าจริยธรรมของผู้นำต้องสูงกว่าจริยธรรมของคนทั่วไป เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีกับสังคม
“หากพลเอกประยุทธ์ยังคงบริหารประเทศแบบลูบหน้าปะจมูก รัฐบาลจะไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสได้อย่างเด็ดขาด พอหมดคราวนี้ก็จะมีครั้งใหม่ อีกทั้งพลเอกประยุทธ์ก็จะไม่มีทางฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากและประชาชนจะไม่แน่ใจว่าจะต้องตายเพราะไวรัส ตายเพราะฝุ่น PM 2.5 หรือ ตายเพราะพิษเศรษฐกิจ อะไรจะทำให้ตายก่อนกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นผลมาจากความล้มเหลวของการบริหารประเทศของพลเอกประยุทธ์ “นายจักรพลกล่าว