ทำเนียบรัฐบาล 16 เม.ย.-“สุพัฒนพงษ์” ยอมรับการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำGPD ประเทศไม่ตามเป้า ยังเดินหน้าแผนเปิดประเทศ ไม่ล็อกดาวน์ ขอประชาชนเชื่อมั่นการควบคุมโรคของรัฐบาล การรักษาพยาบาลเพียงพอ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ว่า การส่งออกยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่รัฐบาลจะต้องดูเรื่องการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคในประเทศว่าจะกระตุ้นอย่างไร เช่น การนำเงินฝากของประชาชนเมื่อปีที่แล้วให้ออกมาจับจ่าย
“การประชุมศบค.บ่ายวันนี้ (16 เม.ย.) ต้องเน้นที่การสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด และต้องดูแลควบคุมการระบาด ไม่ให้ประชาชนกังวล ผมเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เพราะทุกคนปรับตัวและมีตัวอย่างผู้ติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรสาครมาก่อนหน้านี้ ซึ่งรัฐบาลดูแลและบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ทุกคนตระหนักรู้ เมื่อมีความกังวลว่าติดเชื้อก็เข้าสู่การตรวจหาเชื้อ ทำให้พบผู้ติดเชื้อมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติการเชิงรุกของตนเองที่รับผิดชอบต่อสังคม โดยรัฐบาลไม่ต้องสั่ง ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เมื่อพบเชื้อก็เข้าสู่การรักษา ซึ่งขณะนี้ระบบการรักษาในประเทศไทยมีเพียงพอ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ส่วนมาตรการของศบค. ที่จะออกมานั้น มองว่าไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ประเทศ เพราะประสบการณ์จากจังหวัดสมุทรสาครที่มียอดผู้ติดเชื้อสูง แต่สามารถบริหารจัดการผ่านมาได้ ข้อสำคัญคือทุกคนต้องเว้นระยะห่าง รักมากยิ่งต้องห่างมาก และต้องตรวจเชื้อตามกำหนดเวลา
ส่วนกรณีแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขเสนอใช้มาตรการเข้มข้มเพื่อหยุดการแพร่เชื้อ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องรอที่ประชุมศบค. ซึ่งเท่าที่ติดตามข่าวมองว่าไม่ได้เข้มข้นตามที่นำเสนอ แต่อาจจะมีเข้มข้นบ้างในบางจุด คงไม่ถึงขั้นต้องล็อกดาวน์ประเทศเหมือนเดือนเมษยนปีที่แล้ว
ส่วนการแพร่ระบาดขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดประเทศในวันที่ 1 ก.ค.นี้หรือไม่ นายสุพัฒพงษ์ กล่าวว่า ต้องประเมิณสถานการณ์รายวัน แต่แผนที่วางไว้ไม่ได้หยุด ทุกคนยังเดินหน้าทำงานเช่นเดิม โดยเฉพาะการปฏิบัติการเชิงรุกดึงดูดนักลงทุน เพราะการระบาดโควิด-19 เกิดขึ้นทั่วโลกและเท่าที่ทราบภาคธุรกิจกังวลเรื่องของความมั่นใจการควบคุมทั้งสถิติผู้ติดเชื้อและผู้หายจากการติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นจุดตันสินใจของภาคธุรกิจว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร
“การเดินหน้าเศรษฐกิจของรัฐบาลต้องควบคู่ไปกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งจะทำงานอย่างเต็มที่ทั้ง 2 ทาง ขณะนี้มีพระราชกำหนดออกมาช่วยเหลือภาคธุรกิจเรื่องการชำระหนี้แล้ว แต่ถ้าช้ากว่านี้จะไม่เหมาะสม ยอมรับว่าการระบาดโควิดในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อตัวเลข GDP ของไทยที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 4 ที่อาจจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ก็จะต้องกัดฟันสู้ พยายามหาโอกาส แม้จะลำบาก แต่ต้องเดินหน้าต่อไป เพื่อทุกคนในประเทศ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย