กทม 14 เม.ย.- โฆษกรัฐบาล เผยข้าราชการ Work from home ไม่กระทบต่องานบริการประชาชน ขณะที่ ศปก.ศบค ประเมินสถานการณ์ทุกวัน หากยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือมีคลัสเตอร์ใหม่ ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานราชการ Work from home เต็มรูปแบบจนถึง 30 เมษายนนี้ ว่าคำสั่งดังกล่าวเพื่อดูสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ซึ่งการ Work from Home ของหน่วยราชการจะไม่ใช่ส่วนที่ต้องให้บริการประชาชน หน่วยไหนที่เกี่ยวข้องกับงานบริการยังคงต้องดำเนินงานเช่นเดิม และต้องไม่กระทบต่องานบริการ เพียงแต่ต้องดูเรื่องมาตรการทางสาธารณสุข จำกัดจำนวนคนในการให้บริการเพื่อลดความแออัด อาจจะทำให้รอคิวนานมากขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจการทำงานของข้าราชการในช่วงนี้ด้วย แต่ส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ขอให้ทำงานเหลื่อมเวลา สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาทำงานตามมาตรการของศบค. ที่เคยมีมาในก่อนหน้านี้ ส่วนหน่วยงานไหนที่ต้องมีเปิดการอบรม ขอให้เปลี่ยนเป็นลักษณะออนไลน์ เพื่อลดการรวมตัว ย้ำว่า การ Work from Home ต้องไม่กระทบต่อคุณภาพงาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินมาตรการที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็ฝากให้ประชาชนใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง และในการเดินทางอย่าประมาทเพื่อไม่ให้ความเสียหายและสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งให้กับประชาชนได้รับทราบ เรื่องการกระจายวัคซีนอีก 1ล้านโดส และจะเริ่มกระจายออกไปใน 77 จังหวัด
นายอนุชา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเทศกาลสงกรานต์จะมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ ศบค.ชุดเล็ก และศปก.ศบค.ได้ประชุมอย่างต่อเนื่อง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาสมช. ประสานงานและประเมินสถานการณ์ทุกวัน หากพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจะมีมาตรการที่เข้มมากกว่านี้ ทั้งนี้เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะควบคุมได้ และจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่น่ากระทบมากกว่านี้ ปัจจุบันสถานที่ที่ก่อให้เกิดการแพร่เชื้อ อย่างสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ศบค.มีมาตรการสั่งปิด 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา รวม 41 จังหวัด ต้องดูในส่วนนี้ก่อนหากสามารถควบคุมการระบาดได้ ไม่มีคลัสเตอร์ใหม่ๆ มาตรการจะต้องเข้มข้นขึ้น.-สำนักข่าวไทย