“อนุทิน” แจงดราม่า ไม่มีชื่อในคณะจัดหาวัคซีนโควิด

กรุงเทพฯ 12 เม.ย.-“อนุทิน” แจงไม่มีชื่อในคณะจัดหาวัคซีนโควิด เพราะเป็นการแบ่งงานกันทำ ย้ำไทยสั่งซื้อวัคซีนแล้ว 63 ล้านโดส ได้รับแล้วกว่า 2 ล้านโดส และตั้งแต่เดือน มิ.ย. จะมีวัคซีนให้บริการประชาชน เดือนละ 5-10 ล้านโดส


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุถึงกรณีที่มีข่าวทางสื่อมวลชน ว่า นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนโควิดฯ โดยไม่มีตนในฐานะรมว.สาธารณสุข รวมอยู่ด้วย แล้ววิเคราะห์กันว่า เป็นความขัดแย้งในรัฐบาล หรือ ไม่ไว้ใจให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการ นายกรัฐมนตรี จึงตั้งคณะทำงานฯ มาทำหน้าที่แทนกระทรวงสาธารณสุข

ขอเรียนชี้แจงว่า คณะทำงานฯ คณะนี้ ประกอบด้วย ฝ่ายวิชาการ ภาครัฐ และภาคเอกชน แต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข สามารถระดมความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ และภาคเอกชน ได้มากกว่ากระทรวงสาธารณุข ดำเนินการหน่วยงานเดียว จึงเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกฝ่ายจะมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาของประเทศ


รูปแบบการทำงานในขณะนี้ เป็นการร่วมมือกันทำงาน ช่วยกันทำงาน เพื่อประชาชน และประเทศชาติ ไม่ใช่การแย่งงานกันทำ แต่เป็นการแบ่งงานกันทำ
คณะทำงานฯ ทำหน้าที่วางแนวทาง มาตรการจัดหาวัคซีน เพิ่มเติมมาให้บริการประชาชน กระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่จัดซื้อวัคซีน และบริหารจัดการวัคซีน ไปให้ถึงประชาชน เร็วที่สุด โดยมีสถานพยาบาลภาครัฐ และภาคเอกชน ช่วยกันฉีดวัคซีน ให้แก่ประชาชนตามแผนการฉีดวัคซีน ที่กรมควบคุมโรค จัดทำไว้ ซึ่งคาดว่าจะฉีดให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้ครบถ้วน ภายในเดือนตุลาคมนี้

ขอเรียนว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข สั่งซื้อวัคซีนมาให้ประชาชน แล้ว จำนวน 63 ล้านโดส ขณะนี้มาถึงประเทศไทย แล้ว 2.117 ล้านโดส ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป จะมีวัคซีนให้บริการประชาชน เดือนละ 5-10 ล้านโดส จนครบตามจำนวนที่สั่งซื้อไว้ คือ 63 ล้านโดส รวมแล้ว กระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งซื้อวัคซีน มาให้ประชาชน จำนวน 63 ล้านโดส สามารถฉีดให้ประชาชน 31.5 ล้านคน ขณะที่ในทางวิชาการ เราต้องฉีดวัคซีน ให้ประชาชนประมาณ 40 ล้านคน หรือประมาณ 60 % ของประชากรทั้งประเทศ และชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทย อีกจำนวนหนึ่ง

ดังนั้น ในปีนี้ เราจะต้องใช้วัคซีน จำนวน 80 ล้านโดส สั่งซื้อมาแล้ว 63 ล้านโดส จึงต้องสั่งซื้อวัคซีน สำหรับคนไทย เพิ่มอีกประมาณ 17 ล้านโดส และ อีกจำนวนหนึ่งสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นภารกิจของคณะทำงานพิจารณาจัดหาวัคซีนฯ


มีเกร็ดๆ เล็กแต่มีความหมายมาก สำหรับการบริหารวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่กระทรวงสาธารณสุข สั่งซื้อ มา 61 ล้านโดส ผู้ผลิตใส่ขวดละ 6.5 ซีซี มาให้ จำนวน 6.1 ล้านขวด ซึ่งทีมแพทย์ พยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข สามารถฉีดให้ผู้รับวัคซีน ได้ขวดละ 12 โดส มากกว่าที่กำหนดไว้ ถึง 2 โดส ต่อขวด ดังนั้น วัคซีนแอสตราเซเนกา 6.1 ล้านขวด หากจัดการให้ดี จะฉีดให้ประชาชน ได้เพิ่มขึ้น 12.2 ล้านโดส หรือ 6.1 ล้านคน ถ้าทำได้ตามที่เตรียมการ และซ้กซ้อมกันไว้ วัคซีนที่สั่งซื้อไว้แล้ว จะครอบคลุมประชากรที่ต้องรับวัคซีน ได้เกือบทั้งหมด ขาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากทำได้ตามนี้ จะเป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

ภารกิจหลักของกระทรวงสาธารณสุข นับแต่นี้ไป จึงเป็นการบริหารจัดการกระจายวัคซีน 63 ล้านโดส ไปฉีดให้แก่ประชาชนในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด ของประเทศไทย ตามแผนควบคุมโรค ให้ได้เร็วที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด

ผมสั่งการให้ทุกสถานพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ฉีดได้เสร็จก่อนเวลาที่กำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือสถานพยาบาลของทุกหน่วยงานภาครัฐ และ โรงพยาบาลเอกชน ช่วยกันฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ด้วย

วัคซีนจำนวน 63 ล้านโดส ที่สั่งซื้อมาแล้ว เป็นวัคซีนที่รัฐบาล จัดซื้อมาด้วยงบประมาณแผ่นดิน เพื่อฉีดให้ประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และหากมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ รัฐบาลจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล ถึงแม้ว่าผู้ผลิตวัคซีนจะไม่รับผิดชอบ เพราะเป็นการฉีดวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม

ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข ได้ประเมินเบื้องต้นแล้วว่า การสั่งซื้อวัคซีน 63 ล้านโดส ในขณะนี้ เพียงพอที่จะให้บริการคนไทย หากจะขาดก็เพียงไม่มากนัก และได้พยายามจัดซื้อมาตลอด แต่ยังจัดซื้อเพิ่มเติมไม่ได้ เพราะผู้ผลิตวัคซีน ยังผลิตได้ไม่ทันกับคำสั่งซื้อ ที่ทุกประเทศทั่วโลก มีความต้องการวัคซีน มากกว่ากำลังผลิต เป็นจำนวนมากหลายเท่าตัว

กระทรวงสาธารณสุข จะสนับสนุนการทำงานของคณะทำงานฯ เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนของประเทศไทย ทั้งระบบ มีประสิทธิภาพ และเพียงพอ กับบริการประชาชนคนไทย และคนต่างชาติทุกคน ที่อยู่ในประเทศไทย ตามปรัชญาการควบคุมโรค ที่องค์การอนามัยโลก บอกว่า “ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครจะปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย” หมายความว่าเราต้องทำให้ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยและจะต้องได้รับวัคซีน ต้องได้รับวัคซีนครบถ้วน โดยไม่เลือกสัญชาติใดๆ

ขอชี้แจงสาระสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ วัคซีนโควิดทุกตัว ที่มีการใช้อยู่ในขณะนี้ เป็นวัคซีนใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ใช้ไป ศึกษาไป รายงานผลกันไป ยังไม่ใช่วัคซีนที่สมบูรณ์เหมือนวัคซีนอื่นๆ และ วัคซีนมีอายุใช้งานเพียง 6 เดือน เท่านั้น เป็นเหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุข ไม่จัดซื้อมาสำรอง เป็นจำนวนมาก เพราะหากฉีดไม่ทัน จะสิ้นเปลืองงบประมาณ และหากเชื้อโรคกลายพันธุ์ ต้องใช้วัคซีนใหม่ ก็จะต้องซื้อวัคซีนใหม่ โดยที่วัคซีนเดิม ใช้ไม่หมด และใช้ไม่ได้ จะเป็นการสูญเสียงบประมาณ อีก

ขอเรียนว่าในคณะทำงานฯ มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข หลายท่าน เป็นผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ร่วมเป็นคณะทำงานฯ แล้ว ผมได้ให้นโยบายทุกท่านสนับสนุน ร่วมมือกับคณะทำงานฯ เพื่อการกำหนดมาตรการ และแนวทางการจัดหาวัคซีน เพื่อประโยชน์ของประชาชน เป็นลำดับแรก ขอความกรุณาอย่ามองทุกเรื่องเป็นการเมือง เป็นความขัดแย้ง ผมไม่เคยนำเรื่องสุขภาพ และชีวิตของประชาชน มาเป็นเงื่อนไขทางการเมือง และ ไม่เคยคิดเอาการเมืองมาใส่ในสถานการณ์โรคระบาด

ผมสนับสนุนการทำงานของทุกคน ทุกหน่วย ทุกฝ่าย เพื่อที่จะนำพาประชาชนและประเทศไทยผ่านวิกฤติโรคระบาด ครั้งนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]