ทำเนียบฯ ยันดูแลสื่อฯ เท่าเทียม

ทำเนียบ 1 เม.ย.-สำนักโฆษกฯ ทำเนียบฯ ยืนยันมีแนวปฏิบัติในการดูแลสื่อมวลชนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง มุ่งประโยชน์ของทุกฝ่าย  โดยเฉพาะประชาชน

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผู้สื่อข่าวที่นั่งไขว่ห้าง ระหว่างการแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยภายหลัง สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งต้นสังกัดและขอความร่วมมือไม่ให้ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเข้าปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบฯ พร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการนั่ง แต่เป็นการตักเตือนเรื่องที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวนำข้อมูลเท็จ สภาพการปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบฯ ไปบิดเบือนจนเกิดความเสียหายต่อสำนักโฆษก และสื่อมวลชนในทำเนียบฯ


ล่าสุด วันนี้(1 เม.ย.) น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี   ชี้แจงการเข้าทำข่าวของสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ตลอดทุกสมัยที่ผ่านมา ผู้บริหารฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำ  เจ้าหน้าที่สำนักโฆษกในฐานะผู้รับผิดชอบการดูแล และอำนวยความสะดวกสื่อมวลชน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความราบรื่น และไม่มีปัญหา ทำงานร่วมกันด้วยดีมาโดยตลอด แม้จะมีจำนวนสื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวติดตามสถานการณ์จำนวนมากนับหลายร้อยคน  ซึ่งทำเนียบฯ ก็เปิดกว้าง และอำนวยความสะดวกอย่างทั่วถึงและดีที่สุด ตามนโยบาย  โดยทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขตของตนเองด้วยความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  ให้เกียรติและเคารพสิทธิซึ่งกันและกันเสมอมา

ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ มีความใกล้ชิดกับแหล่งข่าวระดับสูงและมีสิทธิเสรีภาพอย่างมากในการปฏิบัติงาน  ซึ่งแตกต่างจากในหลายประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้จัดห้องปฏิบัติการสำหรับสื่อมวลชน พร้อมอุปกรณ์และ เครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่รายงานข่าวได้สะดวก มีการจัดระเบียบและกำหนดบริเวณให้สื่อมวลชน สามารถรายงานข่าวหรือสัมภาษณ์ผู้บริหารได้สะดวกและทั่วถึง อีกทั้ง ได้ยืดหยุ่นบางระเบียบ เพื่อให้สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสะดวก เช่น อนุโลมให้นั่งรอ  หรือดักรอสัมภาษณ์ผู้บริหาร บริเวณหน้าตึกบัญชาการ  เพื่อให้ทุกคนได้รับข้อมูลข่าวสารและรายงานให้ประชาชนทราบอย่างถูกต้องชัดเจน และรวดเร็ว และในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้จัดการตรวจคัดกรองด้วยวิธีการที่ดีที่สุด (SWAB Test) ให้แก่สื่อมวลชน  และกำหนดมาตรการป้องกัน เพื่อให้ทุกคนปลอดภัยและมั่นใจในการทำงาน


“สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยึดหลักปฏิบัติในการดูแลและอำนวยความสะดวกแก่ผู้สื่อข่าวและช่างภาพ อย่างเต็มที่และเสมอภาคกัน  เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและสังคม และขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ทำงานร่วมกันมานาน จนเหมือนเพื่อน หรือญาติ ดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวในฐานะเพื่อน และเพื่อนร่วมงาน  สื่อเองมีน้ำใจกับสำนักโฆษกเสมอช่วยเหลือ มอบน้ำใจให้ ซึ่งสำนักโฆษกขอขอบคุณมาโอกาสนี้ด้วย” น.ส.นัทรียา กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ว วันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้ แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟน ฝากลูกหลานช่วยด้วย