ภูเก็ต 27 มี.ค. – “จุรินทร์” ยันการแก้ รธน. เป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ผูกพันทั้งรัฐสภาและคนไทยทั้งประเทศ พรรคร่วมทุกพรรคควรได้เดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นกฎหมายรัฐธรรมมนูญและกฎหมายประชามติ ต่อกรณีล่าสุด กฤษฎีกาจะส่งเรื่องมาที่ กมธ. และจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญครั้งที่ 2 ในวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ว่า เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นจาก กมธ. ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร สำหรับการที่ กมธ.จะไปปรับแก้ให้สอดคล้องกับมติของที่ประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา และสามารถที่นำเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 7-8 เม.ย. ได้ เพราะฉะนั้นคิดว่าทุกอย่างก็คงเดินหน้าต่อไปได้ และสภาก็สามารถพิจารณามาตราต่อๆ ไปได้จนจบถึงวาระ 3 ซึ่งเมื่อเข้าวาระ 3 พรรคประชาธิปัตย์ก็จะให้การสนับสนุน เพราะต้องการให้มีกฎหมายประชามติเกิดขึ้นโดยเร็ว ถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป เพราะการแก้รัฐธรรมนูญในหลายมาตราจะระบุว่าต้องนำไปทำประชามติด้วย ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพราะฉะนั้นกฎหมายประชามติจึงเป็นกฎหมายที่มีความจำเป็นและสำคัญ
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงปัจจัยในส่วนของเสียง ส.ว. หวั่นใจหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยการลงมติวาระ 3 เหมือนการแก้รัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า ไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมให้การสนับสนุน และโดยเหตุที่ได้คุยกันมาในวิปรัฐบาลตั้งแต่เบื้องต้น อย่างน้อยในส่วนรัฐบาลก็ควรให้การสนับสนุนทุกพรรค เท่าที่ทราบเบื้องต้นพรรคการเมืองอื่นๆ ก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่ทั้งหมดตนก็ไม่ควรไปตอบแทนคนอื่น อย่างน้อยประชาธิปัตย์ยืนยันว่าให้การสนับสนุนแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในเบื้องต้นวิปพรรคร่วมมีแนวทางในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ผูกพันทั้งรัฐสภาและคนไทยทั้งประเทศแล้ว เพราะฉะนั้นก็ชอบที่พรรคร่วมรัฐบาลควรจะได้เดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาล และที่ขอยืนยันชัดเจนคือ พรรคประชาธิปัตย์อย่างน้อยก็เป็นพรรคหนึ่งที่ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าพร้อมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อนำประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลดีต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจตามมาด้วย การเมืองกับเศรษฐกิจต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ถ้าการเมืองมีปัญหา การแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปัญหาทางการเมืองประสบปัญหาอุปสรรคก็จะกระทบต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นการแก้เศรษฐกิจกับการเมืองเป็นเรื่องที่ตนยืนยันหลายครั้ง และขอยืนยันอีกรอบว่ามีความจำเป็นที่จะต้องทำควบคู่กันไป และสามารถทำควบคู่กันไปได้ รัฐบาลมีหน้าที่ทั้ง 2 ข้ออยู่แล้ว เพราะเป็นนโยบายทั้ง 2 เรื่อง ทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ การแก้ปัญหาโควิด ที่ต้องทำด้วยกัน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนการแก้รัฐธรรมนูญเพียงพรรคเดียว ขณะที่พรรคร่วมอื่นๆ โดยเฉพาะพรรคแกนนำรัฐบาลไม่เอาด้วยจะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า วิปจะเป็นผู้ไปคุยกัน และตนก็ได้มอบแนวทางสำหรับวิปพรรคประชาธิปัตย์แล้วว่า ต้องไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เพื่อให้สามารถเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลได้ ซึ่งทุกพรรคน่าจะทราบดีว่ามันเป็นนโยบายตั้งแต่ต้น และที่สำคัญเราก็ต้องไม่ทิ้งฝ่ายค้าน และไม่ทิ้งวุฒิสมาชิกด้วย เพราะว่าจะแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จได้ 3 ส่วนนี้มีความจำเป็นจะต้องร่วมมือกันจะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเงื่อนไขไว้เยอะเลยว่า การจะแก้รัฐธรรมนูญได้จะต้องใช้เสียงข้างมากของที่ประชุมร่วมทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาลและวุฒิสมาชิกเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และในจำนวนนั้นต้องมีเสียงวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และต้องประกอบด้วยฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เพราะฉะนั้นขาดองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งการแก้รัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้ ทั้ง 3 ฝ่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรคร่วมได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความจริงก็มีได้พูดกันชัดเจนแล้ว นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าท่านก็สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ในส่วนของประชาธิปัตย์ ตนก็ยืนยันหลายรอบ และวันนี้ก็ขอยืนยันอีกครั้ง มีหลายท่านสอบถามว่าทำไมยุ่งแต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่สนใจปัญหาปากท้อง ตนก็ตอบว่า เรามีหน้าที่ต้องทำทั้ง 2 เรื่องควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้เรื่องการเมืองเป็นอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และไม่ให้การแก้รัฐธรรมนูญทำให้การแก้ปัญหาการเมืองชะงัก และส่งผลต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่า อายุรัฐบาลเหลือเวลาเพียง 2 ปี การเดินหน้าแก้ปัญหารัฐธรรมนูญจะสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวตอบว่า เชื่อว่าเดินหน้าได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน ช่วงเวลา 2 ปี ไม่ได้เป็นอุปสรรคเลย ถ้าเรานับหนึ่งตั้งแต่เดี๋ยวนี้ และในส่วนประชาธิปัตย์ก็ชัดเจนแล้วว่า เมื่อการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับติดอุปสรรค และความไม่ชัดเจนว่าสุดท้ายแล้วทำได้หรือไม่ได้ จะต้องทำประชามติตอนไหน เราก็เดินหน้าแก้รายมาตราไป ซึ่งก็มีความชัดเจนแล้ว ขณะนี้สั่งให้ยกร่างแล้ว และเชื่อว่าจะไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลถัดจากนี้ไป ก็เท่ากับการเดินหน้าตามนโยบาย. – สำนักข่าวไทย