fbpx

“อภิสิทธิ์” เสียดายรัฐสภาคว่ำร่าง รธน. หวั่นระเบิดเวลา

กรุงเทพฯ 19 มี.ค.-“อภิสิทธิ์” เสียดายรัฐสภาคว่ำร่าง รธน. เสียโอกาสนำความเห็นต่างถกในระบบ หวั่นเป็นระเบิดเวลา รอการปะทุ ชี้แม้ม็อบอ่อนแรง แต่คนอยากเปลี่ยนโครงสร้างเพิ่มขึ้น ไม่เปิดรูระบาย สะสมปัญหาเพิ่ม อนาคตชาติอันตราย


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เสียดายการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา เพราะเห็นว่า ควรใช้เวทีสภาในการแก้ปัญหา เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อจากนี้เป็นเรื่องที่ยาก ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ หรือรายมาตรา เนื่องจากการแก้ไขรายมาตรา ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะผูกโยงกันไว้ จึงเป็นเรื่องอันตราย มีคนจำนวนมากเห็นจุดอ่อนและข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ จะเกิดสภาพความอึดอัด แทนที่สภา หรือแม้แต่ประชาชนจะเลือกคนมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็ยังทำไม่ได้ จะทำให้เกิดความตึงเครียดและมีเสียงว่า ต้องทำอย่างไรจึงจะแก้รัฐธรรมนูญได้ ในเมื่อกลไกตามรัฐธรรมนูญไม่เอื้อให้ทำภายใต้รัฐธรรมนูญนี้

เมื่อถามว่า มีโอกาสเพิ่มแรงส่งให้ผู้ชุมนุมมากขึ้นจากการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากลไกตามรัฐธรรมนูญถูกจำกัดไปเสียหมด คนก็จะต้องแสดงพลังหรือแสดงออกในทางอื่น จึงน่าเสียดาย เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะสร้างความปรองดองและลดความตึงเครียดความขัดแย้ง เพราะจะเป็นเวทีที่นำความคิดต่างมาคุยกันในระบบได้ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่ตรงนี้ไม่เดินต่อ ดังนั้น อยากให้รัฐบาลคิดถึงหลักความถูกต้อง มองโครงสร้างระยะยาว อย่าเอาความสะดวกการเมืองระยะสั้นมาเป็นตัวชี้ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำอะไร เพื่อประโยชน์ของตัวเองและเพราะจะยิ่งเป็นอันตรายและทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น


“ถึงแม้ว่าพลังการเคลื่อนของมวลชนอาจจะดูอ่อนกำลังลง แต่ผมเห็นว่า คนที่มีความคิดสนับสนุนข้อเรียกร้อง แม้จะไม่ทั้งหมด ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความคิด นับวันคนรุ่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาก็จะโน้มเอียงไปในทิศทางที่เห็นด้วยกับกลุ่มที่เคลื่อนไหว หากไม่ตอบสนองอะไรเลย ก็เหมือนกับรอเป็นระเบิดเวลา ยิ่งสะสมประเด็นความขัดแย้ง ทำให้สถานการณ์ในอนาคตยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าว

เมื่อถามว่า สโลแกนเลือกความสงบจบที่ลุงตู่ วันนี้ถ้าทัศนคติผู้นำยังเป็นอย่างนี้ ความสงบจะจบที่ตรงไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้การที่สถานการณ์การเคลื่อนไหวของมวลชนอาจดูเบาบางลง แต่สังคมกลับไม่ได้ขัดแย้งน้อยลง แม้ผู้ชุมนุมจะจำนวนน้อยลง แต่คนที่เห็นว่า จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือระบบในหลายจุด มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายผู้มีอำนาจอาจพึงพอใจ บรรยากาศเอื้อให้ตัวเองรักษาอำนาจได้ และการเกิดเหตุรุนแรงแบบสุดโต่งระหว่างการชุมนุมมากขึ้น ก็จะเพิ่มความชอบธรรมในการหาความนิยมคือ ต้องเลือกเพื่อความสงบ แต่ทั้งหมดมันเป็นความสงบผิวเผินไม่ยั่งยืน มีแต่สะสมปัญหาสำหรับอนาคตประเทศ ถ้าคิดแต่การรักษาอำนาจ ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศอยู่แล้ว จึงอยู่ที่ว่าผู้มีอำนาจจะตัดสินใจอย่างไร เป็นบททดสอบว่าเอาผลประโยชน์ของใครเป็นที่ตั้ง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME