พรรคเพื่อไทย 12 มี.ค. – พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยัน เดินหน้าโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ชี้ หากมีคว่ำร่างก็แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ ขอคำนึงถึงประชาชนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงท่าทีและการดำเนินการ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้รัฐสภามีอำนาจยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นพ.เรวัติ วิศรุเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เข้าร่วมประชุม
นายสมพงษ์ ระบุว่า การหารือในวันนี้ได้พิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ ในการยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคฝ่ายค้านที่เสนอเข้าไปยังรัฐสภา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้อนุญาตให้แก้ไขทั้งฉบับได้ ที่ประชุมจึงเห็นว่า จะดำเนินการต่อไปโดยไม่ให้ผิดมติของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอำนาจของรัฐสภาที่มีในขณะนี้ คือดำเนินการในวาระ 3 ต่อไป ซึ่งการดำเนินการในวันที่ 17 – 18 มีนาคมนี้ ประธานรัฐสภาควรนำเรื่องการลงมติในวาระ 3 เข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งอาจมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงอยากให้ประชาชนได้ติดตาม
นายพิธา ระบุว่า อำนาจหน้าที่ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหน้าที่ของรัฐสภาตั้งแต่ต้น การที่มีคำวินิจฉัยของศาล ถือได้ว่าเป็นคำยืนยันความปกติของรัฐธรรมนูญใหม่ และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ควรล้มล้างการปกครองหรือรัฐประหารอย่างเดียว ซึ่งการลดทอนอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถือเป็นการประวิงเวลา ที่ไม่ควรเกิดขึ้น และกระบวนการที่ทำอยู่นั้นเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม ไม่ใช่ร่างฉบับใหม่ ส่วนที่มีสมาชิกรัฐสภาพยายามลดทอนอำนาจของตัวเอง ด้วยการบอกว่า วาระ 1 และวันที่ 2 เป็นโมฆะ ถือว่าไม่ถูกต้อง เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญมีอยู่ และถึงแม้วันที่ 17 -18 มีนาคมนี้ ถูกบรรจุไว้ในวาระที่ 3 แล้ว ทุกคนคงทราบดีว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นนี้ เป็นการพายเรืออยู่ในอ่าง มีความพยายามที่จะถ่วงเวลาตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อสืบทอดอำนาจไว้ให้นานที่สุด ดังนั้น ถ้ามีการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ก็จะได้รู้ ว่าใครมีความความจริงใจในการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลต้องการแก้ไขวิกฤตการเมืองจริง ก็ต้องคำนึงถึงเรื่องการทำประชามติตามมาตรา 166 เพื่อถามความเห็นจากประชาชนหรือไม่ นี่คือกุญแจนำไปสู่ทางออก
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวว่า ประธานรัฐสภาทำหน้าที่ได้ถูกต้องในการบรรจุการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 และต้องมีการโหวตว่าจะเห็นชอบหรือไม่ แต่หากมีการนำเรื่องอื่นมาอภิปรายหรือหารือก่อนถึงการลงมติ ตนคิดว่าประธานรัฐสภาคงทราบดี เพราะจะทำให้เรื่องที่พิจารณาอยู่นั้นตกไป ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงเข้าใจในหลักการนี้ พร้อมกันนี้ระบุว่า มีบางฝ่ายไม่จริงใจ และไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมขอสมาชิกรัฐสภาให้นึกถึงประชาชนด้วย
นายสงคราม กล่าวว่า การดำเนินการที่เราทำอยู่นี้คือการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ซึ่งเป็นการแก้ไขรายมาตรา ไม่ได้แก้ทั้งฉบับ ดังนั้น การดำเนินการจึงไม่ขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ฝากสมาชิกรัฐสภาทุกคนเห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สภาฯมีความกังวลในเรื่องของเงื่อนเวลาตามมาตรา 5 ที่ระบุว่า จะต้องเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ภายใน 30 วัน ซึ่งจะทำให้ไม่ทันกับการทำประชามติ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ต้องทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนที่จะถึงกระบวนการลงพระปรมาภิไธย และประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยสามารถทำประชามติ ถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมที่ผ่านวาระ 3 นี้หรือไม่ และทำเป็นคำถามพ่วงไปในคราวเดียว ว่าจะให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. เพื่อให้มาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับหรือไม่.-สำนักข่าวไทย