จ.อยุธยา 3 มี.ค.-“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่อยุธยาตามปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำสายสำคัญ กระทบการผลิตน้ำประปา –เกษตร สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องบูรณาการเร่งแก้ปัญหา วางแผนระยะยาวแก้แบบยั่งยืน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกง โดยมี นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) อธิบดีกรมชลประทาน ผู้ว่าการการประปานครหลวง ผู้แทนการประปาส่วนภูมิภาคและหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น 1 เขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมลงพื้นที่ดูสภาพพื้นที่บริเวณเขื่อนพระรามหกติดตามสถานการณ์น้ำด้วย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้(3 มี.ค.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและรับทราบมาตรการบริหารจัดการน้ำ ช่วยควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและบางปะกงของหน่วยที่รับผิดชอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก วันนี้กอนช.รายงานว่าช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาเกินเกณฑ์มาตรฐานในการผลิตน้ำประปา ส่งผลกระทบกับการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภคของประชาชน ซึ่งหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกอนช.บูรณาการความร่วมมือ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนได้เป็นอย่างดี
“สำหรับช่วงเดือนนี้ จะยังมีภาวะน้ำทะเลหนุนสูงสุดอีก 2 ครั้ง ที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ช่วงวันที่ 9-12 มี.ค. และ 26-28 มี.ค. จึงมอบหมายให้กรมชลประทานร่วมกับการประปานครหลวงบริหารจัดการน้ำจากเขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยต้องควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ให้เกินเกณฑ์คุณภาพน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ให้กำหนดแผนปฏิบัติการให้ชัดเจน และให้ประเมินน้ำต้นทุน วางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัดให้เพียงพอสำหรับต้นฤดูฝน ส่วนการนำน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองมาช่วยผลักดันและเจือจางน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงแนวทางแก้ไขปัญหาค่าความเค็มในแม่น้ำสายสำคัญในระยะเร่งด่วน ว่ากอนช.กำหนดมาตรการดำเนินการ ดังนี้ 1. แม่น้ำเจ้าพระยา โดยการเพิ่มการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักเจ้าพระยาที่ไม่กระทบปริมาณน้ำสำรองต้นฤดูฝน และการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลองไม่เกิน 500 ล้านลบ.ม. รวมทั้งการควบคุมการสูญเสียน้ำระหว่างทางและการควบคุมการระบายน้ำเสีย 2. แม่น้ำท่าจีน ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 2 เครื่อง บริเวณจุดต้นคลองจินดาเพื่อผลักดันน้ำที่เพิ่มเข้ามา ผ่านคลอง 6,7 และ 8ข-5ซ ลงคลองระบายท่าผา คลองบางแก้ว และคลองตาปลั่งตามลำดับ
“ส่งน้ำเข้าระบบชลประทานเพื่อเจือจางค่าความเค็มในคลอง และเพิ่มการระบายน้ำผ่านประตูระบายน้ำโพธิ์พระยา ประตูระบายน้ำสองพี่น้อง และคลองท่าสาร-บางปลา ลงสู่แม่น้ำท่าจีนตอนล่างเพื่อผลักดันน้ำเค็ม และ 3.แม่น้ำบางปะกง มีการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำทั้ง 3 แห่ง ในลุ่มน้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำพระปรง จ.สระแก้ว อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี และอ่างเก็บน้ำพระสะทึง จ.สระแก้ว” นายสมเกียรติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย