ทำเนียบรัฐบาล 2 มี.ค.-นายกฯ เผยวัคซีนโควิดจะทยอยเข้ามาเรื่อย ๆ ยันฉีดแล้วไร้ผลข้างเคียง สบายดีทุกคน แจงเหตุยังไม่ได้ฉีดแอสตราเซนิกา ต้องรอเอกสารจากผู้ผลิต ระบุฉีดก่อนมีความผิดทั้งคนสั่งให้ฉีดและคนฉีด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟสบุ๊กชี้แจงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด -19 ของไทย ว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว โดยกระจายวัคซีนไปใน 13 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงก่อน เพื่อฉีดให้กับหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานแนวหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยงตามแผนฉีดวัคซีนของเรา
“ดือนนี้และเดือนต่อๆ ไปเราจะได้วัคซีนเข้ามาทุกเดือนจนถึงสิ้นปี รวม 63 ล้านโดส กระจายไปได้ทั่วประเทศ และฉีดได้ครอบคลุมมากขึ้น ผมได้รับรายงานว่า ทุกคนที่ฉีดไปแล้ว สบายดีครับ ยังไม่มีใครแพ้หรือมีผลข้างเคียง” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า นอกจาก 63 ล้านโดสที่จองซื้อไปแล้วและกำลังทยอยมา เรากำลังหาวัคซีนมาเพิ่ม เพื่อฉีดให้ได้ทุกคน หรือครอบคลุมให้ได้มากที่สุด อาจจะเป็นวัคซีนตัวเดียวกันหรือวัคซีนใหม่ที่ผ่านการรับรองแล้ว เราดูทุกตัวโดยพิจารณาความเหมาะสมทุก ๆ ด้าน วัคซีนที่เราฉีดกันอยู่ตอนนี้คือซิโนแวคจากจีน ซึ่งหลาย ๆ ประเทศฉีดไปแล้วเช่นกัน
“วัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่ยังไม่มีผลการทดลองที่มากพอในกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เราจึงได้รับคำแนะนำว่าอย่าเพิ่งฉีดให้คนที่มีอายุเกิน 60 ปี รอผลการทดลองอีกสักหน่อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปลอดภัยหรือไม่นะครับ วัคซีนทุกตัวที่ใช้ได้รับการรับรองความปลอดภัย และรับรองว่าได้ผลครับ ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีกหลายท่าน ฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว ส่วนผม คุณหมอแนะนำให้ฉีดวัควีนของแอสตร้า เซเนก้า ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ แต่แอสตร้า เซเนก้าที่เราได้มา 1.1 แสนโดสยังอยู่ในขั้นตอนรอเอกสารจากผู้ผลิต ก็ต้องรอก่อน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานก็จะเรียบร้อย ผมจะไปฉีดก่อนก็ไม่ได้นะครับ ทั้งคนสั่งให้ฉีดและคนฉีดให้ก็จะผิดกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่เราทำควบคู่กันไป ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขศึกษาและประสานงานเรื่องการรับรองการฉีดวัคซีนเพื่อใช้ประกอบการเดินทางระหว่างประเทศอยู่ เรื่องนี้ ในระดับนานาชาติ ยังไม่มีข้อยุติอย่างเป็นทางการนะครับ มีทั้งที่อยากให้มีและที่ท้วงติงว่าเร็วเกินไป ขอให้รอดูอีกสักระยะว่า วัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากน้อยแค่ไหน คนในประเทศเดียวกันเองก็ยังเห็นไม่ตรงกัน ผู้ที่อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยวก็อยากให้มีการรับรองเร็วๆ แต่ยังมีอีกมากที่ยังไม่แน่ใจ
“ผมได้สั่งการไปแล้วให้ลงมือศึกษา เตรียมพร้อมไว้ แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องไปพร้อมกับประเทศอื่น ๆ ด้วย สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จะมีใบรับรองการฉีดวัคซีนให้ คงเหมือนกับใบรับรองการฉีดวัคซีนเวลาไปต่างประเทศ ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยใช้กัน ยกเว้นคนที่จะไปทำงาน หรือไปเรียนต่อ หรือไปประเทศที่เขากำหนดว่า ต้องมีใบรับรองว่าฉีดวัคซีนป้องกันโรคเฉพาะบางโรค เรื่องนี้ทำกันมาแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่” นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สุดท้ายผมขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า แม้เราจะดำเนินการฉีดวัคซีนไปแล้ว แต่เราก็ต้องไม่ละเลยที่จะป้องกันตัวเอง ที่ผ่านมาเราก็ประสบความสำเร็จด้วยดี หน้ากากอนามัยยังเป็นอุปกรณ์สำคัญ อย่าลืมเรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นดูแลให้ตัวเองปลอดภัยอยู่เสมอเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขอบคุณครับ.-สำนักข่าวไทย