ทำเนียบรัฐบาล 1 มี.ค.- ‘วราวุธ’ สั่งการผู้ว่าฯ เข้มงวดเผาป่าภาคเหนือ เตือนหากยังไม่หยุดเผา อาจถูกมาตรการกีดกันทางการค้า ยัน แก้ข้อพิพาทบางกลอยจบสิ้นปีนี้
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงสถานการณ์การเผาป่าว่า การเผาป่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ ภาคเหนือได้ประกาศห้ามเผาป่าไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ หากเกษตรกรไม่มีจิตสำนึกและยังคงเผาป่าต่อไป จะทำให้เกิดปัญหา และหากทาง EU มีมาตรการออกมาในเรื่องการกีดกันทางการค้าและไม่รับซื้อสินค้ากับประเทศที่สร้างหรือปล่อยมลพิษทางอากาศเกินกว่าที่ EU กำหนด ก็จะเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า
นายวราวุธ กล่าวว่า หากเกษตรกรยังไม่ปรับตัวในเวลาอันใกล้นี้ ก็อาจจะเจอกับมาตรการกีดกันทางการค้าที่นำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมมาเป็นตัวกำหนด ดังนั้นต้องเป็นสิ่งที่เกษตรกรต้องคิดและปรับตัวอย่างจริงจัง ซึ่งการดำเนินคดีเป็นสิ่งที่ง่าย แต่สิ่งที่จะสะท้อนกลับมาคือการค้าขายไม่ได้
นายวราวุธ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือให้เข้มงวดกับจุดความร้อน เนื่องจากจุดความร้อนในภาคเหนือเพิ่มขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องให้ฝ่ายปกครองที่ทำหน้าที่ดูแลพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรร่วมมือกับประชาชนในการลดการเผา ย้ำว่า การเผาป่ายังสามารถทำได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดในแต่ละพื้นที่
ส่วนกรณีข้อพิพาทป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่การเจรจาไม่สำเร็จว่า ตนไม่ถือว่าล่ม เพียงแต่การเจรจาครั้งนี้ยังไม่จบ แต่มีหลายฝ่ายพยายามโยงให้เป็นประเด็นกลุ่มชาติพันธุ์หรือเรื่องสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องดราม่าที่สังคมชอบ แต่ผลกระทบที่หนักที่สุดจะตกอยู่ที่ชาวบางกลอยเอง ยืนยันว่า สิ่งที่กระทรวงทำอยู่ คือการเร่งหาวิธีการเยียวยาประชาชนกว่า 100 ชีวิต ทั้งเรื่องที่ดินทำกินสิ่งอำนวยความสะดวกและน้ำเพื่อการเกษตร ยืนยัน การไปอยู่ในพื้นที่ป่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมาย และต้องยึดการทำงานตามกฎหมายทุกอย่าง แต่ยืนยันว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้แล้วเสร็จในปีนี้อย่างแน่นอน
ส่วนการนำเจ้าหน้าที่ไปกดดันในพื้นที่นั้น นายวราวุธ มองว่า หลายกลุ่มชอบขยายความ และต้องชี้แจงว่า พื้นที่อนุรักษ์คือพื้นที่อ่อนไหว เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปก็จะเกิดปัญหา ส่วนที่มีการอ้างว่าเป็นพื้นที่เดิมในการทำการเกษตรนั้น หากมีการสำรวจภาพถ่ายทางอากาศจะพบว่าไม่ใช่ที่เดิม ฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงขึ้นไปดูแลเพื่อไม่ให้เกิดการบุกรุก จึงเป็นการปกป้องสิทธิมนุษยชนของคนไทยที่จะมีผืนป่าที่สมบูรณ์ รักษาป่าต้นน้ำเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์เช่นกัน
“หากมองว่าข่มขู่ก็พูดง่าย คนไม่อยู่ในพื้นที่ก็พูดไปต่างๆนานา ชอบดราม่าและย้ำว่าต้องพูดกันตรงๆ หลายคนอยากให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา แต่ยืนยันว่าความรุนแรง ไม่ใช่นโยบาย ของรัฐ แต่ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย” นายวราวุธ กล่าว.-สำนักข่าวไทย