“อนุชา”เผยยังไม่ได้รับสัญญาณไปนั่งก.ดีอีเอส

ทำเนียบรัฐบาล 1 มี.ค. –“อนุชา” เผย ยังไม่ได้รับสัญญาณปรับครม.มีชื่อนั่ง ดีอีเอส เป็นเพียงกระแสข่าว ยันทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค  


นายยอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะถูกปรับไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า ยังไม่มีสัญญาณจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐและยังไม่มีการพูดคุยใดๆ เป็นเพียงการคาดเดาของสื่อ และยังไม่ทราบว่าในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันพรุ่งนี้ (2 มี.ค.) จะมีการนำเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ แต่หากหยิบยกขึ้นมาหารือในที่ประชุมก็ต้องพูดคุยกัน อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อไหร่ จะปรับเฉพาะ3 ตำแหน่งที่ว่างลง หรือไม่ ขึ้นอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร เป็นผู้ดำเนินการ  โดยข่าวที่ออกมาเป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น พร้อมยืนยันส่วนตัวไม่เคยต่อรอง หรือเรียกร้องตำแหน่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่จะให้ทำงานในส่วนไหนก็พร้อมอย่างเต็มกำลังความสามารถ

“ผมในฐานะเลขาธิการพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรี ซึ่งทุกครั้งก่อนปรับคณะรัฐมนตรีก็จะมีกระแสข่าวและการเคลื่อนไหวลักษณะเช่นนี้ออกมาซึ่งเป็นเรื่องปกติซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวล ไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่เคยเป็นมาในอดีต อำนาจการปรับครม.เป็นของนายกรัฐมนตรีที่จะตัดสินใจเพื่อประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน”นายอนุชา กล่าว


สำหรับกรณีที่มีข่าวว่า สส.พลังประชารัฐลงชื่อมอบอำนาจให้พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ตัดสินใจในการพิจารณาปรับครม.ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ นั้น นายอนุชา กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีหนังสือจริงหรือไม่  และไม่ทราบเรื่องส.ส. ภาคใต้ของพรรคเสนอตัวเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาภาคใต้ เพราะยังไม่มีใครมาพูดอะไรกับตนในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรค แต่ยอมรับอาจจะมีคนบางกลุ่มที่มีการพูดคุยกันซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะพูดคุยก่อนปรับครม.ทุกครั้ง

นายอนุชา ยังกล่าวถึงผลสอบ 6 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่งดออกเสียงญัตติไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ว่าเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่พรรคตั้งขึ้นมาสอบสวน ซึ่งตนแม้จะเป็นเลขาธิการพรรค ก็ไม่ได้เข้าไปก้าวก่าย ส่วนที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยประกาศไม่พอใ นั้น ขอให้รอผลสอบของคณะกรรมการฯ ว่าจะถึงจุดไหน อย่างไร แต่ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องสำคัญในทางการเมืองถือเพราะเป็นเรื่องของส่วนรวม “ที่ท่านอนุทินไม่รับคำขอโทษก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปว่ากัน ซึ่งผมในฐานะเลขาธิการพรรคก็ต้องขอโทษและต้องทำในสิ่งที่ควรทำเพราะเป็นเรื่องที่ต้องอยู่ร่วมกัน  และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”นายอนุชา กล่าว. สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง