กรุงเทพฯ 27 ก.พ.-“เชาว์” อดีตรองโฆษก ปชป. ยกคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด มัด 5 ส.ส.กปปส. หลุดตำแหน่งแล้ว แม้ได้รับการประกันตัว เทียบกรณีผู้สมัครสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขาดคุณสมบัติ จากเหตุลักษณะเดียวกัน ยันไร้ปัญหาส่วนตัวกับ 5 ส.ส. ชี้สุดเห็นใจ เจอชะตากรรมเล่นตลก คนเสวยสุขกลายเป็นแก๊งเคยร่วมกับโจร แนะผู้เกี่ยวข้องหยุดดิ้น ทำกฎหมายเสียหาย เดินชนทางตัน
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง 5 ส.ส.กปปส.สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ อย่าทำหลักกฎหมายเสียหาย มีเนื้อหาระบุว่า กรณียังมีการถกเถียงในข้อกฎหมายว่า ส.ส.ที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างรอคำสั่งตามคำขอประกันตัวของศาลอุทธรณ์ ว่า สส. เหล่านี้พ้น จากสมาชิกภาพแล้วหรือไม่ โดยผมเห็นว่า เรื่องนี้ แยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ปัญหาว่าส.ส.ทั้ง 5 คน ถูกคุมขังโดยหมายของศาลหรือไม่ ซึ่งตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ การจะควบคุมตัวหรือขังผู้ต้องหาหรือจำเลยได้นั้น ต้องอาศัยคำสั่งหรือหมายจากศาล ซึ่งมีอยู่ 4 ประเภทคือ 1.หมายขัง ระหว่างสอบสวน 2.หมายขังระหว่างไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา 3.หมายจำคุกระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกา 4.หมายจำคุก กรณีคดีถึงที่สุด จึงเห็นได้ว่า ส.ส.ทั้ง 5 คนถูกคุมขังโดยหมายของศาลโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว มีปัญหาต้องพิจารณาต่อไปว่า กรณีที่ถูกศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกแต่อยู่ระหว่างรอคำสั่งขอปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลอุทธรณ์ จะถือว่าถูกคุมขังหรือไม่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ได้บัญญัติให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงไว้หลายกรณี แต่ตาม (6) คือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (6) ที่ระบุว่า”ต้องคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกและถูกคุมขังโดยหมายของศาล” เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ขณะนี้ ส.ส.กปปส.ทั้ง 5 ถูกคุมขังโดยหมายจำคุก ระหว่างอุทธรณ์หรือฎีกาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จึงถือว่าสมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) แล้ว”
นายเชาว์ระบุด้วยว่า การที่กฎหมายรัฐธรรมนูญวางหลักไว้อย่างเคร่งครัดในเรื่องนี้ก็เพราะเป็นหลักประกันในเรื่องความเป็นอิสระของผู้แทนปวงชนชาวไทยว่าต้องสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้ตลอดเวลา โดยปราศจากอำนาจใดๆมาขัดขวาง หรือควบคุมหรืออยู่ใต้อาณัติใดๆแม้กระทั่งความคิด ดังนั้นการถูกขังโดยหมายศาลแม้จะกี่วันกี่ชั่วโมง แต่ในระหว่างที่ถูกขังความอิสระย่อมหมดไปตามระเบียบของกฎหมาย ไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไป ได้อย่างปกติ จึงให้ความเป็น ส.ส.จึงต้องสิ้นสุดลง แม้ต่อมาจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวก็ตาม ซึ่งเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาปกครองสูงสุดที่ อ. 2162/2559 ที่ได้วินิจฉัยวางแนวไว้เป็นบรรทัดฐานว่า แม้ผู้ฟ้องคดียื่นคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ในวันเดียวกัน แต่ศาลแขวงก็มีคำสั่งให้ส่งคำร้องของผู้ฟ้องคดีไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาสั่ง โดยมิได้มีคำสั่งให้ปล่อยชั่วคราวผู้ฟ้องคดี และมีหมายลงวันที่ 18 กันยายน 2555 จำคุกผู้ฟ้องคดีไว้ระหว่างอุทธรณ์ แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยผู้ฟ้องคดีชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ศาลแขวงจึงมีหมายลงวันที่ 19 กันยายน 2555 ปล่อยตัวผู้ฟ้องคดีก็ตาม กรณีถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 45 (4) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2555 แล้ว สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลของผู้ฟ้องคดีจึงสิ้นสุดลงตามนัยมาตรา 47 ตรี วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 47 ทวิ (3) แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 แม้จะเป็นการถูกคุมขังเพียง 1 วัน และต่อมาผู้ฟ้องคดีจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ก็ไม่ทำให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลของผู้ฟ้องคดีซึ่งสิ้นสุดลงโดยผลของกฎหมายกลับฟื้นคืนมาได้แต่ประการใด การที่ผู้ถูกฟ้องคดีวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลของผู้ฟ้องคดีสิ้นสุดลง จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
“ผมไม่ได้มีปัญกาใดๆ กับส.ส.ทั้ง 5 ท่าน ตรงกันข้าม เห็นใจและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ เพราะผมเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่เคยออกไปเคลื่อนไหวกับ กปปส.เจ็บปวดที่เห็นคนสู้เพื่อชาติ กำลังถูกชะตากรรม คนเสวยสุขกลายเป็นคนที่นอกจากไม่เคยสู้เพื่อชาติแล้ว ยังเคยอยู่ร่วมแก๊งปล้นชาติมาก่อนด้วย แต่ในข้อกฎหมายเราไม่ควรปล่อยให้มีการบิดเบี้ยวเพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะจะทำให้หลักกฎหมายได้รับความเสียหาย คนที่พยายามดิ้นไปในทางตันก็จะเสียหายตามไปด้วย” นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย.-สำนักข่าวไทย