กรุงเทพฯ 21 ก.พ.-“วราวุธ” เผยทีม ทส.แก้ปัญหาบ้านบางกลอย ขึ้น ฮ. ดูพื้นที่ป่าแก่งกระจาน-ใจแผ่นดิน พบป่าถูกเผาเพิ่มอื้อ ทั้งที่เซ็นบันทึกความเข้าใจ ให้ลงมาเจรจาก่อน
วันนี้ ( 21 ก.พ.) นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการที่คณะทำงาน แก้ไขปัญหากรณีบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ตั้งขึ้น ลงพื้นที่ทำงานหาข้อมูลข้อเท็จจริงในพื้นที่ช่วง 2-3 วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบพื้นที่จากทางอากาศและได้บันทึกภาพไว้และเมื่อนำมาประเมินเบื้องต้น พบว่ามีการบุกรุกป่าในบริเวณ บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่มีการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวกันแล้วระหว่าง ตัวแทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ ตัวแทนภาคีเซฟบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย แต่กลายเป็นว่ากลุ่มคนบางคนใช้บันทึกข้อตกลงดังกล่าวไปเป็นใบเบิกทางซึ่งถือเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมและไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบว่ามีการล่าสัตว์ป่า เก้ง เลียงผา ซึ่งเจ้าหน้าที่จับกุม ผู้กระทำผิดได้พบหลักฐาน ซากสัตว์ ดินประสิว และลูกตะกั่วเป็นจำนวนมาก
โดยนายจงคล้าย วรพงศธร ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับนายประยงค์ ดอกลำไย ตัวแทนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือพีมูฟ เข้าไปดูในพื้นที่จริง ด้วยกันโดยขึ้นเฮลิคอปเตอร์และพบว่ามีชาวบ้านเข้าบุกรุกป่าด้วยการแผ้วถาง และเผาป่า กว่า 100 ไร่ และตน ยังได้รับรายงานเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้เพิ่มเติมด้วยว่า พบว่า มีการบุกรุกป่าเพิ่มเติมอยู่อีกและเห็นที่ชัดที่สุดคือ ตามซอกเขา หลายจุด จุดละประมาณ 15 ไร่เศษ แล้วนี่หรือคือการถอยคนละก้าวตามที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน มีแต่จะบุกรุกเพิ่มเติม ซึ่งคณะทำงานได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทส.ทราบแล้ว
ถ้าคนที่พยายามยังบุกรุกต่อไปไม่ยอมหยุดแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เชื่อว่าอาจจะต้องเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งเราไม่ต้องการให้ถึงวันนั้น ฉะนั้นต้องรีบหาทางสรุปเรื่องนี้ให้ได้ ขอฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่าจะต้องถอยคนละก้าว ตามที่ได้ตกลงกันไว้เพราะหากยังไม่ถอยคนละก้าว เราก็จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดขึ้น
อย่างไรก็ตามมีกลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี นำโดย น.ส. สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีต ส.ว. เพชรบุรี ร่วมกับสื่อมวลชนท้องถิ่นได้เข้าพบตน เพื่อเสนอข้อคิดเห็น ว่าพื้นที่ป่าแก่งกระจานไม่ใช่พื้นที่ของคนเมืองเพชรเพียงอย่างเดียวแต่เป็นทรัพยากรธรรมชาติของโลก และกำลังจะก้าวสู่มรดกโลก เพราะฉะนั้นถ้าปล่อยประละเลยยังให้มีการบุกรุกเพิ่มเติมอย่างนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพชรบุรี ได้รวมตัวกันเพื่อเปิดเวทีเสวนาในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ลานเวทีชาวบ้าน อาคารคุณแม่บุญรวม สวท.เพชรบุรี เรื่องเซฟแก่งกระจานปากของโลกเพื่อคนทั้งโลก ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป เพื่อระดมสมองของชาวเพชรบุรีแล้วสรุปเพื่อทำหนังสือ ยืนต่อ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ที่ทำเนียบรัฐบาล
ด้าน นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีของประชาชนทุกพื้นที่ของประเทศไทย การจะสืบสานประเพณีวัฒนธรรมใดก็แล้วแต่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสภาพกาลเวลา และสภาพทรัพยากรของประเทศไทยที่เรามีอยู่จำกัดในทุกวันนี้ และต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ
การที่หลายฝ่ายลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วแสดงให้เห็นว่าเราถอยกันคนละก้าว ประชาชนชาวบ้านในพื้นที่บอกว่าขอให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกมาเพื่อมาเปิดโต๊ะเจรจากัน เจ้าหน้าที่ก็ถอยออกมาหมดแล้วและยังได้ขอชาวบ้านด้วยว่าเราต้องถอยกันคนละก้าว โดยต้องการให้ประชาชนชาวบ้านลงมาจากใจแผ่นดิน เพื่อมาพูดคุยกันแต่เมื่อผ่านไปได้เพียง 2-3 วัน เมื่อเจ้าหน้าที่ถอยลงมาแล้วแต่ชาวบ้านยังไม่กลับลงมา ยังมีภาพจากการสำรวจของคณะทำงานให้เห็นอีกว่า ทรัพยากรอันมีค่าของประเทศไทยถูกเผามากเพิ่มขึ้นอีก ไม่นับมลพิษทางอากาศที่เกิดขึ้น PM2.5 จากการเผาป่านับ 100 ไร่จะออกมาอีกปริมาณเท่าใด
ขอความเห็นใจจากพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่าเราเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนต้องดำรงชีพทำมาหากิน ซึ่งคณะทำงานแก้ไขปัญหาที่ไปจากกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้ทำฐานข้อมูลมีความคืบหน้าไปอย่างมากและได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นอีกไม่นานเราจะได้ฐานข้อมูลที่ชัดเจน และจะได้ดำเนินการเยียวยาให้ประชาชนกลุ่มที่เหลือเพียง 10% หรือ 100 กว่าคนเท่านั้น ที่เรายืนยันว่าจะต้อง ดำเนินการให้เสร็จภายในปีนี้
“ผมเห็นคลิปจากที่คณะทำงานลงพื้นที่ส่งมาแล้วรู้สึกสลดใจมาก เศร้าใจและเสียใจมากที่เห็นพื้นที่ป่า พื้นที่ที่คนไทยอนุรักษ์หวงแหน และต้องการเห็นว่าเป็นมรดกโลก ถึงแม้ว่าพี่น้องกลุ่มหนึ่งใช้เหตุผลว่าเป็นพื้นที่ที่อยู่กันมานานแต่พื้นที่ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเป็นทรัพย์สมบัติของคนไทย โดยเฉพาะป่าแก่งกระจานที่อีกไม่นานเราจะผลักดันให้ขึ้นเป็นมรดกโลก ดังนั้นกำลังจะกลายเป็นมรดกของคนทั้งโลก คนในพื้นที่ต้องตระหนักว่าทรัพยากรป่าที่กำลังอยู่อาศัยและเผาอยู่นั้น เป็นการเผามรดกของมวลมนุษยชาติของโลก”นายวราวุธ กล่าว
อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลจะเร่งหาวิธีเยียวยาให้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาการแก้ปัญหาล่าช้าก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามา ก็ต้องขอโทษในนามหน่วยงานของรัฐ แต่ขอให้กลับลงมาพูดคุยกัน แล้วขอให้หยุดการเผาป่า หยุดรุกที่ป่า แล้วจะหาวิธีเยียวยาให้ทุกคนมีพื้นที่ทำมาหากิน เหมือน กับพี่น้องประชาชนกว่า 1,000 ชีวิตที่เราได้เยียวยาไปแล้ว ส่วนใดที่เสื่อมโทรมก็จะไปแก้ไขให้ดีขึ้น แต่ขอให้หยุดการกระทำเช่นนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเราจะไม่เหลือป่าไว้ให้ลูกหลาน .-สำนักข่าวไทย