ฝ่ายค้านจี้นายกฯ แจงรู้เห็นสั่งทหารทำไอโอหรือไม่

รัฐสภา 19 ก.พ.-อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 4 ฝ่ายค้านชี้กองทัพใช้สื่อออนไลน์สร้างโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน จี้นายกฯ ตอบรู้เห็นหรือไม่


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล วันที่ 4 เริ่มต้นเวลา 09.00 น. มีนายสุชาติ ตันเจริญ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเริ่มอภิปรายนาย วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) ขอหารือที่ประชุมว่าฝ่ายค้านเหลือ 13 ชั่วโมงเศษ ซึ่งพร้อมให้อภิปรายเต็มที่ แต่ขอเวลาให้ฝั่งรัฐมนตรีชี้แจงด้วย หากจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ขอให้แจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ตอบเตรียมตัว เชื่อว่าความลับไม่รั่วไหล

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 42 ชั่วโมง ขณะเหลือ 13 ชั่วโมงเศษ ซึ่งคงใช้เต็มตามกรอบเวลา และขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะชี้แจงมากน้อยเพียงใด แต่จะลองหารือกับวิปรัฐบาลเรื่องเงื่อนเวลาที่อาจยืดหยุ่นได้ ยืนยันว่าจำเป็นต้องรักษาเอกสิทธิ์การอภิปราย หากเปิดรายชื่อรัฐมนตรีที่จะอภิปรายก่อน ข้อมูลอาจจะรั่วไหล ขณะเดียวกัน ขอประธานตักเตือนส.ส. บางคนที่พูดจาเหยียดเพศ คุกคามทางเพศด้วย
นายสุชาติ ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า เวลาของฝ่ายค้านเหลือเกือบ 14 ชั่วโมง หากดูสถานการณ์แล้วคืนนี้(19 ก.พ.) คงไม่จบก่อน 24.00 น.การลงมติอาจจะไม่ใช่พรุ่งนี้(20 ก.พ.) นอกจากตกลงกันอีกครั้งว่าทั้งสองฝ่ายจะพร้อมใจกันให้เสร็จภายในคืนนี้ ส่วนจะอภิปรายต่อพรุ่งนี้หรือไม่อย่างไร ต้องขอปรึกษานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง และขอให้เห็นใจข้าราชการด้วยที่ต้องทำงานทั้งเสาร์และอาทิตย์ พร้อมเตือนเรื่องการใช้กิริยาวาจาให้เรียบร้อย อย่าใช้วาจาไม่สุภาพ เสียดสี กระแนะกระแหน เพราะเมื่อเรียกว่าสภาอันทรงเกียรติ สมาชิกต้องทำให้สมเกียรติด้วย


จากนั้นเริ่มการอภิปราย โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เปิดปฏิบัติการไอโอภาค 2 ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทหารทำสงครามกับประชาชนที่เห็นต่างในโลกออนไลน์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ เพราะมีข้าราชการในกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แม้ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลติดตามเรื่องนี้และสอบถามถึง 4 ครั้งผ่านกระบวนการสภา แต่ผู้เกี่ยวข้องกลับตอบว่าไม่มีปฏิบัติการดังกล่าว

“จากสิ่งที่เกิดขึ้นจึงขอตั้ง 3 ข้อกล่าวหากับพล.อ.ประยุทธ์ คือ1.ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่แถลงต่อสภา ในข้อที่ 7 ที่จะต้องการลดผลกระทบเชิงสังคมอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพราะในทางตรงข้ามกลับปล่อยให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม สร้างวาทะกรรมเกลียดชัง กับผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลตรงข้ามรัฐบาล 2.จงใจปล่อยให้งบประมาณ เวลาราชการของบุคลากรรัฐ สร้างความเกลียดชังโจมตีพรรคฝ่ายค้าน นักสิทธิมนุษยชน และประชาชนทั่วไปที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ ไอโอ ทั้งที่มีหลักฐานและเอกสารที่ยืนยันว่ามีทำไอโอจริง โดยที่นายกฯ เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา ได้เปิดคลิปวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การประชุมของมณฑลทหารบกที่ 21 โดยมีเนื้อหาสั่งการให้ตรวจสอบเพจและข้อมูลในโซเชียลของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่โจมตีกองทัพ และสั่งให้ปฏิบัติการตอบโต้ข้อมูลข่าวสารกลับทันที ทั้งยังกำชับไม่ให้มีเอกสารการเงินหลุดออกมา ซึ่งคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติงานมองประชาชนเป็นศัตรู และนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในวิธีการที่ไม่ถูกต้องกับคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและทหาร


นายณัฐชา ได้เปิดเอกสารปฏิบัติการกลุ่มขาวดำ ซึ่งเป็นคำบรรยายของกองทัพเกี่ยวกับการจัดแบ่งงานโครงสร้างในการตอบโต้ปฏิบัติการไอโอ โดยใช้แอปพลิเคชัน Twitter และ LINE รวมทั้งจ้างบริษัทเอกชนผลิตสื่อ นอกจากนี้ ยังเปิดหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่านายทหารยศพันโท สังกัดกองทัพบก ใช้แอคเคาท์ Twitter ของตัวเอง เเต่เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นใช้งาน ขณะเดียวกันมีทหารยศพลตรี ใช้ข้อความสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชา ทำไอโอโจมตี ใส่ร้าย กล่าวหาผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งมองว่าไม่ใช่การทำหน้าที่หรือภารกิจของทหาร

นายณัฐชา ยังอภิปรายโจมตีการทำงานของกรมประชาสัมพันธ์ และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี หรือ PMOC โดยนำหลักฐานมาแสดงว่าทั้ง 2 หน่วยงานผลิตถ้อยคำและสื่อเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม จึงอยากตั้งคำถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าทราบหรือไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการลักษณะนี้

ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของ นายณัฐชา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงบ่อยครั้งว่าผิดข้อบังคับการประชุม พูดนอกประเด็น เสียดสี

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงโดยย้ำว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีนโยบายสั่งการให้หน่วยทหารดำเนินการตามที่กล่าวหา ให้ร้าย เเต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบัน ความสงบเรียบร้อยอันดี และความมั่นคงของประเทศอยู่จริง ดังนั้น กองทัพจึงมีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน

“จากเอกสารที่นำมาเผยแพร่ เป็นความต้องการของกองทัพที่มองว่าทหารคือประชาชนคนหนึ่ง จึงต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างเท่าทันและมีสติ จึงอบรมให้ความรู้กับบุคลากรและกำลังพล ให้ใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทำอย่างเปิดเผยไม่ได้ปิดบังบัญชีผู้ใช้ ส่วนปฏิบัติการขาวดำ เป็นการยกตัวอย่างการฝึกปฏิบัติทางการทหารให้เรียนรู้วิธีการ ไม่ได้มองว่าฝ่ายตรงข้ามคือประชาชน ขณะที่คลิปวีดีโอ conference ผมเพิ่งรู้และเห็น แต่ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กัมพูชา ทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก

กัมพูชา 19 ก.ค.-กัมพูชาทำหนังสือส่งถึงไทย ปฏิเสธวางกับระเบิดช่องบก ลั่นยึดมั่นอนุสัญญาออตตาวา ประณามคัดค้าน การผลิต และแสดงความเสียใจผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผลักดันสู่กระบวนการพิสูจน์ เพื่อรักษามิตรภาพ ความปลอดภัย ไม่กล่าวหาซึ่งกัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ทำหนังสือ ถึงทางการไทย เรื่อง การปฏิเสธต่อการนําเสนอของสื่อมวลชนไทยจำนวนหนึ่ง กรณีทหารไทย 3 นาย ได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) สำานักงานปฏิบัติการทุ่นระเบิคและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (สํานักงานทุ่นระเบิด) ขอแจ้งว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีสื่อมวลชนไทยจํานวนหนึ่งได้อ้างอิงแหล่งข้อมูลจากข้าราชการระดับสูงของไทย และเผยแพร่เกี่ยวกับทหารไทย 3 นายได้รับบาดเจ็บจากระเบิด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 บริเวณพิกัด WA 220861 (ยืนยันโดยฝ่ายไทย) อยู่ในพื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก) การเผยแพร่ดังกล่าว มีเจตนา กล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริงและไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจนว่ากัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ ในการนี้สํานักงานทุ่นระเบิด ขอชี้แจงดังนี้ 1.สํานักงานทุ่นระเบิดขอปฏิเสธและปัดตกทั้งหมดต่อเนื้อหาข่าวที่เผยแพร่โดยมีเจตนากล่าวหาว่า กัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดใหม่ 2.กัมพูชา […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย