ฝ่ายค้านจี้นายกฯ แจงรู้เห็นสั่งทหารทำไอโอหรือไม่

รัฐสภา 19 ก.พ.-อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 4 ฝ่ายค้านชี้กองทัพใช้สื่อออนไลน์สร้างโจมตีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล สร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน จี้นายกฯ ตอบรู้เห็นหรือไม่


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล วันที่ 4 เริ่มต้นเวลา 09.00 น. มีนายสุชาติ ตันเจริญ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ก่อนเริ่มอภิปรายนาย วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) ขอหารือที่ประชุมว่าฝ่ายค้านเหลือ 13 ชั่วโมงเศษ ซึ่งพร้อมให้อภิปรายเต็มที่ แต่ขอเวลาให้ฝั่งรัฐมนตรีชี้แจงด้วย หากจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ขอให้แจ้งล่วงหน้า เพื่อให้ผู้ตอบเตรียมตัว เชื่อว่าความลับไม่รั่วไหล

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ฝ่ายค้านขอเวลาอภิปราย 42 ชั่วโมง ขณะเหลือ 13 ชั่วโมงเศษ ซึ่งคงใช้เต็มตามกรอบเวลา และขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะชี้แจงมากน้อยเพียงใด แต่จะลองหารือกับวิปรัฐบาลเรื่องเงื่อนเวลาที่อาจยืดหยุ่นได้ ยืนยันว่าจำเป็นต้องรักษาเอกสิทธิ์การอภิปราย หากเปิดรายชื่อรัฐมนตรีที่จะอภิปรายก่อน ข้อมูลอาจจะรั่วไหล ขณะเดียวกัน ขอประธานตักเตือนส.ส. บางคนที่พูดจาเหยียดเพศ คุกคามทางเพศด้วย
นายสุชาติ ประธานในที่ประชุม กล่าวว่า เวลาของฝ่ายค้านเหลือเกือบ 14 ชั่วโมง หากดูสถานการณ์แล้วคืนนี้(19 ก.พ.) คงไม่จบก่อน 24.00 น.การลงมติอาจจะไม่ใช่พรุ่งนี้(20 ก.พ.) นอกจากตกลงกันอีกครั้งว่าทั้งสองฝ่ายจะพร้อมใจกันให้เสร็จภายในคืนนี้ ส่วนจะอภิปรายต่อพรุ่งนี้หรือไม่อย่างไร ต้องขอปรึกษานายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง และขอให้เห็นใจข้าราชการด้วยที่ต้องทำงานทั้งเสาร์และอาทิตย์ พร้อมเตือนเรื่องการใช้กิริยาวาจาให้เรียบร้อย อย่าใช้วาจาไม่สุภาพ เสียดสี กระแนะกระแหน เพราะเมื่อเรียกว่าสภาอันทรงเกียรติ สมาชิกต้องทำให้สมเกียรติด้วย


จากนั้นเริ่มการอภิปราย โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เปิดปฏิบัติการไอโอภาค 2 ที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการให้ทหารทำสงครามกับประชาชนที่เห็นต่างในโลกออนไลน์ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะต้องเป็นผู้ชี้แจงเรื่องนี้ เพราะมีข้าราชการในกองทัพเข้าไปเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แม้ว่าที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลติดตามเรื่องนี้และสอบถามถึง 4 ครั้งผ่านกระบวนการสภา แต่ผู้เกี่ยวข้องกลับตอบว่าไม่มีปฏิบัติการดังกล่าว

“จากสิ่งที่เกิดขึ้นจึงขอตั้ง 3 ข้อกล่าวหากับพล.อ.ประยุทธ์ คือ1.ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่แถลงต่อสภา ในข้อที่ 7 ที่จะต้องการลดผลกระทบเชิงสังคมอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพราะในทางตรงข้ามกลับปล่อยให้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม สร้างวาทะกรรมเกลียดชัง กับผู้ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลตรงข้ามรัฐบาล 2.จงใจปล่อยให้งบประมาณ เวลาราชการของบุคลากรรัฐ สร้างความเกลียดชังโจมตีพรรคฝ่ายค้าน นักสิทธิมนุษยชน และประชาชนทั่วไปที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ ไอโอ ทั้งที่มีหลักฐานและเอกสารที่ยืนยันว่ามีทำไอโอจริง โดยที่นายกฯ เป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง” นายณัฐชา กล่าว

นายณัฐชา ได้เปิดคลิปวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การประชุมของมณฑลทหารบกที่ 21 โดยมีเนื้อหาสั่งการให้ตรวจสอบเพจและข้อมูลในโซเชียลของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ที่โจมตีกองทัพ และสั่งให้ปฏิบัติการตอบโต้ข้อมูลข่าวสารกลับทันที ทั้งยังกำชับไม่ให้มีเอกสารการเงินหลุดออกมา ซึ่งคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าผู้สั่งการและผู้ปฏิบัติงานมองประชาชนเป็นศัตรู และนำเงินภาษีของประชาชนมาใช้ในวิธีการที่ไม่ถูกต้องกับคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและทหาร


นายณัฐชา ได้เปิดเอกสารปฏิบัติการกลุ่มขาวดำ ซึ่งเป็นคำบรรยายของกองทัพเกี่ยวกับการจัดแบ่งงานโครงสร้างในการตอบโต้ปฏิบัติการไอโอ โดยใช้แอปพลิเคชัน Twitter และ LINE รวมทั้งจ้างบริษัทเอกชนผลิตสื่อ นอกจากนี้ ยังเปิดหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่านายทหารยศพันโท สังกัดกองทัพบก ใช้แอคเคาท์ Twitter ของตัวเอง เเต่เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นใช้งาน ขณะเดียวกันมีทหารยศพลตรี ใช้ข้อความสั่งงานผู้ใต้บังคับบัญชา ทำไอโอโจมตี ใส่ร้าย กล่าวหาผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งมองว่าไม่ใช่การทำหน้าที่หรือภารกิจของทหาร

นายณัฐชา ยังอภิปรายโจมตีการทำงานของกรมประชาสัมพันธ์ และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี หรือ PMOC โดยนำหลักฐานมาแสดงว่าทั้ง 2 หน่วยงานผลิตถ้อยคำและสื่อเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม จึงอยากตั้งคำถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่าทราบหรือไม่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชากระทำการลักษณะนี้

ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของ นายณัฐชา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พลังประชารัฐลุกขึ้นประท้วงบ่อยครั้งว่าผิดข้อบังคับการประชุม พูดนอกประเด็น เสียดสี

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงโดยย้ำว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่มีนโยบายสั่งการให้หน่วยทหารดำเนินการตามที่กล่าวหา ให้ร้าย เเต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลมีข้อความที่ไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบัน ความสงบเรียบร้อยอันดี และความมั่นคงของประเทศอยู่จริง ดังนั้น กองทัพจึงมีหน้าที่สร้างความเข้าใจให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน

“จากเอกสารที่นำมาเผยแพร่ เป็นความต้องการของกองทัพที่มองว่าทหารคือประชาชนคนหนึ่ง จึงต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีอย่างเท่าทันและมีสติ จึงอบรมให้ความรู้กับบุคลากรและกำลังพล ให้ใช้สื่อโซเชียลอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทำอย่างเปิดเผยไม่ได้ปิดบังบัญชีผู้ใช้ ส่วนปฏิบัติการขาวดำ เป็นการยกตัวอย่างการฝึกปฏิบัติทางการทหารให้เรียนรู้วิธีการ ไม่ได้มองว่าฝ่ายตรงข้ามคือประชาชน ขณะที่คลิปวีดีโอ conference ผมเพิ่งรู้และเห็น แต่ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย