ศบค.ปรับระดับพื้นที่เฝ้าระวังใหม่

ทำเนียบรัฐบาล 18 ก.พ.-ศบค.พบติดเชื้อใหม่ 150 ราย ปรับระดับพื้นที่เฝ้าระวังหลังสถานการณ์ดีขึ้น พร้อมฉีดวัคซีนทั้งคนไทยและต่างชาติ ชี้ฉีดวัคซีน เตรียมเสนอผ่อนคลายเพิ่ม 22 ก.พ.นี้


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก เพิ่มขึ้น 392,293 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรวม 110,429,980 ราย และเสียชีวิต 2,440,928 ราย ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 114 สำหรับยอดผู้ติดเชื้อของสหรัฐอเมริกาลดลงจากเคยพบการติดเชื้อวันละ 3-4 แสนรายเหลือเพียงวันละกว่า 7 หมื่นราย ซึ่งมีข้อสังเกตว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนในสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นักวิชาการสหรัฐระบุว่า การฉีดวัคซีนไม่มีผลต่อการติดเชื้อ เพราะการฉีดวัคซีนต้องฉีดต่อเนื่องกัน 2 โดส และต้องฉีดให้ได้ 70% ของประเทศจึงจะถือได้ว่าเป็นการป้องกันหมู่

“ส่วนยอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศ พบติดเชื้อรายใหม่ 150 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 38 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชม 104 ราย และจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันจากรัฐจัดให้ 8 ราย ประกอบด้วย ผู้ที่เดินทางมาจาก แอฟริกาใต้ 2 ราย บาห์เรน 2 ราย ปากีสถาน บังกลาเทศ สาธารณรัฐยูกันดา และไนจีเรีย ประเทศละ 1 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 25,111 ราย วันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 82 รายคงเดิม ส่วนผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ ที่จังหวัดสมุทรสาคร 26 ราย กรุงเทพมหานคร 5 ราย ปทุมธานี 3 ราย มหาสารคาม 1 ราย พระนครศรีอยุธยา 1 ราย ตาก 1 ราย นครปฐม 1 ราย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว


พญ.อภิสมัย กล่าวถึงยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศรายใหม่และยอดสะสมพบว่า กรุงเทพมหานคร ผู้ติดเชื้อ 5 ราย ตลอดสัปดาห์ยังพบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ขณะที่ปทุมธานีพบผู้ติดเชื้อ 45 ราย ลดลงจากเมื่อวานนี้(17 ก.พ.) ที่มีจำนวน 82 ราย ส่วนสมุทรปราการ ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมา 2 วัน และจังหวัดระยอง จันทบุรี นนทบุรี ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อมา 4 วันแล้ว ส่วนการพบผู้ติดเชื้อในประเทศรายสัปดาห์จะพบว่า ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม (24-30 ม.ค.) พบผู้ติดเชื้อ 17 จังหวัด ต้นเดือนกุมภาพันธ์ (31 ม.ค. – 6 ก.พ.) พบผู้ติดเชื้อ 16 จังหวัด ช่วงวันที่ 7 -13 กุมภาพันธ์ พบผู้ติดเชื้อ 11 จังหวัด และในสัปดาห์นี้ คือ 14-18 ก.พ. 19 จังหวัด ช่วง 7 วันที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 9-18 กุมภาพันธ์ มีจังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 7 วัน 44 จังหวัด จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อ 3-4 วัน 6 จังหวัด และจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ 1-3 วัน 13 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อเลย 14 วัน

ผู้ช่วยโฆษ กศบค. กล่าวถึงการตรวจสอบในพื้นที่ปทุมธานีว่า พบผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงตลาดพรพัฒน์ 359 ราย และทีมควบคุมโรคได้กระจายไปตรวจในพื้นที่ตลาดสุชาติ ตลาดรังสิต และพื้นที่ใกล้เคียงชุมชน โดยสุ่มตรวจกว่า 4,000 ตัวอย่าง พบผู้เชื้อ 437 ราย เชื่อมโยงไปอีก 9 จังหวัด คือนครนายก 7 ราย กรุงเทพมหานคร 4 ราย เพชรบุรี 4 ราย สมุทรปราการ 3 ราย สระบุรี 3 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย อ่างทอง 2 ราย นครราชสีมา 1 ราย และนนทบุรี 1 ราย ซึ่งการจะปิดตลาดเพื่อไม่ให้ดำเนินชีวิตนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ตลาดต้องมีมาตรการคัดกรองและรายงานอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประชาชนที่ไปตลาดควรใช้เวลาอย่างรวดเร็วและวางแผนการไปตลาดก่อน

พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศว่า จากที่ตรวจคัดกรองพบว่าผู้ติดเชื้อแต่ละคนจะตรวจพบเชื้อไม่เท่ากัน บางคนจะตรวจพบเชื้อในวันที่ 3 วันที่ 4 และวันที่ 5 ของการอยู่ในสถานกักกันของรัฐ ทั้งนี้ เมื่อเข้าสู่สถานกักกันจะตรวจคัดกรอง 3 ช่วง คือตั้งแต่วันแรก วันที่ 3 ถึงวันที่ 5 และก่อนออกจากสถานกักกัน ยืนยันว่าผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจำเป็นต้องเข้าสถานที่กักตัวที่รัฐกำหนด แม้บุคคลเหล่านี้จะผ่านการตรวจมาจากประเทศต้นทางแล้ว เนื่องจากเมื่อเดินทางมาถึงพบว่า บางคนตรวจพบในครั้งแรก จึงยังจำเป็นต้องกักตัว 14 วัน


ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงการประชุมของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ได้พิจารณาปรับการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ โดยกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังจาก 35 จังหวัดเป็น 54 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัดเป็น 14 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 24 จังหวัดเป็น 8 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1 จังหวัด คือ สมุทรสาคร

“คณะกรรมการฉุกเฉินฯ หารือเรื่องการฉีดวัคซีน โดยห็นตรงกันว่าจะต้องกระจายวัคซีนให้ทุกคนในประเทศ เข้าถึงวัคซีนคุณภาพ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เฉพาะคนไทย แต่รวมถึงชาวต่างชาติที่ต้องดูแลในมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อวัคซีนล็อตแรกมาถึงประเทศในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จะถือว่าเป็นระยะที่ 1 ที่จะฉีดคือช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคมในกลุ่มเสี่ยงสูง จากนั้นจะฉีดในระยะที่สอง ซึ่งจะมีวัคซีนมากขึ้น ที่จะฉีดให้ภาคเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวและบริการ ขอยืนยันว่าการฉีดวัคซีน เป็นเพียงการป้องกันตัวเอง ไม่ใช่การลดการแพร่เชื้อ ดังนั้น ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไปไหนมาไหนได้หมดโดยไม่ป้องกัน แต่ต้องคงมาตรการป้องกันเช่นเดิม รวมทั้งจะพิจารณาการกระจายวัคซีนในระดับจังหวัด และมาตรฐานของสถานที่ฉีดให้เหมือนกันทั้งประเทศ” พญ.อภิสมัย กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีเอกชนจะนำเข้าวัคซีนมาฉีดเองได้หรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มีข้อเสนอจำนวนมาก โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งศบค.เห็นด้วยให้ภาคเอกชนจัดหาวัคซีนได้ แต่ควรเป็นไปตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรเป็นสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพราะหากเกิดการแพ้วัคซีน อาจจะต้องกู้ชีพ ส่วนวัคซีนจะต้องขึ้นทะเบียนอย.ว่ามีความปลอดภัย

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆ ที่หารือในที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ จะเสนอให้ที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมีความหวังและกำลังใจ หากมีมาตรการผ่อนคลายแล้ว จะเปิดร้านอาหารได้ การแสดงดนตรีสามารถทำได้ ขอให้ดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง สำหรับการดำเนินการขององค์กรหรือร้านค้าต่าง ๆ ขอความร่วมมือผู้ค้าขายและผู้บริการดำเนินตามมาตรการให้ดีที่สุด เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้ทั้งประเทศ

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานให้ศบค.ทราบแล้วเรื่องแพทย์เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 และจะแถลงเวลา 15.00 น. วันนี้ (18 ก.พ.).-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]