ฝ่ายค้าน ชี้ “จุรินทร์” เอี่ยวทุจริตถุงมือยาง เจ้าตัวซัดกลับ โกหก

รัฐสภา 18 ก.พ.-“ประเสริฐ” ชำแหละ “จุรินทร์”  เอี่ยวทุจริตถุงมือยาง ทำเป็นกระบวนการ ตั้งคนใกล้ชิดเป็นบอร์ด อคส. เตรียมส่ง ป.ป.ช.และศาลฯ ดำเนินคดี ด้าน “จุรินทร์” ซัดกลับโกหก ลั่นไม่เคยสั่งการในที่ลับ ไม่มีวันยอมคนกล่าวหาว่าโกง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (18ก.พ.) ได้มีการพิจารณาญัตติอภิปรายไมไว้วางใจ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่  2 เป็นประธานการประชุมช่วงแรก  ได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายไปแล้วทั้งสิ้น 27 ชม. 10 นาที 25 วินาที คงเหลือเวลาในการอภิปราย 22 ชม.58 นาที 44 วินาที


ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย หารือว่า ระยะเวลาที่เหลือของฝ่ายค้าน อาจทำให้การอภิปรายไม่เสร็จสิ้นในวันที่ 19 ก.พ.เพราะยังมีเวลาที่รัฐมนตรีต้องชี้แจง จึงขอให้วิปรัฐบาล ไปหารือกับรัฐบาลเพื่อกำหนดเวลา

จากนั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง  ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญาและความสามารถ  ไม่มีความรอบครอบระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตการขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า(อคส.)  มูลค่าความเสียหาย 2 พันล้านบาท ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงพาณิชย์โดยการกระทำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ชี้ว่านายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและพวกพ้อง จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่มีการทุจริตเฟื้องฟูเบ่งบานมากที่สุด ขาดความรอบครอบ  ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต  เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเอง และพวกพ้อง และเชื่อว่ายังมีการทุจริตอีกหลายหน่วยงาน


นายประเสริฐ นำหลักฐานมาเปิดเผยว่า นายจุรินทร์ แต่งตั้งคนใกล้ชิดดำรงตำแหน่งใน อคส.จากนั้นพบว่ามีการทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับ 3 บริษัทอย่างมีพิรุธ สั่งซื้อมากถึง 826 ล้านกล่อง ราคารวมกว่าแสนล้านบาท ทั้งที่บริษัทดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตถุงมือยาง ที่สำคัญเมื่อไปตรวจสอบ ก็พบว่า บริษัทดังกล่าวไม่มีอยู่จริง พร้อมนำคลิปเสียงที่อ้างว่าบันทึกระหว่างการประชุมกรรมาธิการการพาณิชย์ มายืนยันว่า มีการเร่งรัดทำสัญญากับ 3 บริษัทดังกล่าวจริง และอ้างว่าเป็นผลงานของนายจุรินทร์ ที่แสวงหาประโยชน์ สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธาน อคส. มีอดีตสื่อมวลชนร่วมด้วย และเคยมาร่วมรับประทานอาหารที่รัฐสภา ทั้งนี่เมื่อพบพิรุธ ก็ละเว้นไม่ดำเนินการใดๆ กับนายสุชาติ เพราะกลัวถูกเปิดเผยข้อเท็จจริง

“ผมถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริตอย่างหน้าด้านอย่างไร้ยางอาย เป็นการปล้นชาติจึงไม่สามารถไว้วางใจนายจุรินทร์ให้บริหารประเทศต่อไปได้”นายประเสริฐ กล่าว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา  ยืนยันที่ผ่านมาเคยชี้แจงทั้งผ่านสื่อและไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมยืนยันไม่ได้ร่วมสนทนาในเทปที่นำมาเปิด และไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้สิ่งที่ผู้อภิปรายกล่าวถึงอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.กับพวก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ และอีก 7 บริษัท ประธานบอร์ดและบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น  ตนเห็นด้วยเกือบจะทุกประการ ไม่มีอะไรโต้แย้ง แต่ขอปฏิเสธว่า ตนไม่เข้าไปเคยเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือที่แจ้งก็ตาม


นายจุรินทร์ชี้ว่า ผู้อภิปรายโกหกหลายประการ  โดยเรื่องกมธ.พาณิชย์ ที่หยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างว่ามีการกล่าวพาดพิงถึงรัฐมนตรีนั้นมีจริง แต่อ้างไม่หมด ส่วนที่บอกว่าตนไม่เคยตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงิน หรือไม่ดำเนินคดีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะมีการตั้งกรรมการสอบ โดยอคส. และตนก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องนี้ตลอดเพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตเท่านั้นเอง ส่วนที่บอกว่าหลังย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวย อคส.นายกฯไม่ได้ทำอะไรเลย ขอชี้แจงเพื่อความเป็นธรรมว่า ทันทีที่ตนทราบเรื่องก็ดำเนินการจนย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.ไปประจำสำนักนายกฯ โดยคำสั่งของนายกฯ และเมื่อมีการตั้งกระทู้ก็ได้มอบหมายให้ตนตอบกระทู้และติดตามความคืบหน้ามาโดยลำดับ

นายจุรินทร์ กล่าวว่าการอ้างถึงประธานบอร์ดบอกว่าใกล้ชิดเป็นคนสนิทนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นั้น  ไม่ว่าจะรู้จักใคร แม้ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้าหรือทำอะไรก็ได้  

“เมื่อทำผิดกฎหมายต้องเข้าคุก เรื่องนี้ผมไม่ยอม ไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม ผมจะจัดการทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่ผมอยู่ในอำนาจหน้าที่และกฎหมายให้อำนาจผม ขอพูดไว้ต่อสภาฯ  ไม่ใช่ไปพูดที่ใด การเอาเทปมาเปิดและตีความผิดเพื่อจงใจใส่ความ ทำให้คนเข้าใจผิดว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง”รมว.พาณิชย์ กล่าว

นายจุรินทร์ ชี้แจงว่า อคส.เป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวงฯ ไม่ใช่ส่วนราชการที่รัฐมนตรีมีอำนาจไปสั่งการทางนโยบายได้ และคนที่มีอำนาจวางนโยบายคือบอร์ดเท่านั้นและมีอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการในการแต่งตั้งถอนถอดโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่รัฐมนตรีมีอำนาจจำกัดตามพระราชกฤษฎีกา อคส.ฉบับใหม่ 2535 เนื่องจากนำรัฐมนตรีออกจากการเป็นประธานบอร์ด แต่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่แทนเหมือนรัฐมนตรีกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ ระหว่างครม. บอร์ด ผู้อำนวยการและพนักงาน  ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ต่างจากกรมที่รัฐมนตรีดูแล เพราะต้องการให้อคส.เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง

นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ทันทีที่ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่รับทราบความไม่ชอบมาพากลและรายงานให้ตนทราบ  ก็ได้ใช้อำนาจที่มีอยู่จำกัดดำเนินการร่วมกับผู้อำนวยการอคส.หลายอย่าง  หลังจากที่ได้รายงานนายกฯแล้ว นายกฯก็ลงนามคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกฯ  มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้นก็มีมติระงับโครงการทันที และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับอดีตรักษาการอคส.กับพวก และบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ รวมทั้งแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีของอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.กับพวก  หลังจากนั้นได้ยื่นป.ป.ช.เอาผิดกรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เป็น

 นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ทางผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าขณะนี้สอบเสร็จแล้ว มีเอกสาร 2,268 แผ่น พบผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมจากอดีตรักษาการอคส. 1 คน แต่มีเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน และได้รายงานข้อเท็จจริงต่อบอร์ดแล้วมีมติรับทราบ ขณะเดียวกันผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ส่งสำเนารายรายงานการตรวจสอบไปยังป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนดำเนินคดี และนำผลที่พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมไปดำเนินการตั้งกรรมการสอบตามขั้นตอนทางวินัยของระเบียบอคส.ต่อไป ซึ่งตนได้รับทราบ และสั่งเร่งดำเนินการทางวินัย แพ่ง อาญา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ อย่างไรก็ตามจะให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่าจะดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะคนอย่างตนใครมากล่าวหาว่าโกง ไม่มีวันยอม ทนายความคนหนึ่งหาว่าตนโกงหน้ากากตนฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นการกล่าวอ้างอะไรอย่าฟังความข้างเดียว

“ผมได้ทำทุกอย่างเรียกได้ว่าครบถ้วนด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริงที่ตั้งใจจะนำคนผิดมาลงโทษและเอาเงิน 2 พันล้านของอคส.พร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็วภายใต้อำนาจที่มีอยู่ ส่วนที่ห่วงว่ามีการอายัดบัญชีหรือไม่ ขณะนี้ป.ป.ง.ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่ผมพูดได้เพราะไม่ได้แทรกแซงหรือล้วงความลับแต่ทางประธานป.ป.ช.แถลงตั้งอนุกรรมการไต่สวนและลงมติอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนเงินได้ และการที่ท่านหยิบยกการให้การของอดีตรักษาการของผู้อำนวยการอคส.ขึ้นมาพูด และบอกว่าอดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.พูดพาดพิงว่าผมรับทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางนั้น ท่านฟังความข้างเดียว เสียยี่ห้ออดีตรัฐมนตรีหมดเลย เพราะรายงานนี้ผมไม่เคยมีโอกาสไปชี้แจงเลย มีแต่อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.เท่านั้น ทำไมท่านหัวอ่อนเช่นนี้ “œนายจุรินทร์ กล่าว

นายประเสริฐ ระบุ จะไปยื่นดำเนินคดี รมว.พาณิชย์ และนายกรัฐมนตรี ต่อ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้เตรียมไปชี้แจง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]