ฝ่ายค้าน ชี้ “จุรินทร์” เอี่ยวทุจริตถุงมือยาง เจ้าตัวซัดกลับ โกหก

รัฐสภา 18 ก.พ.-“ประเสริฐ” ชำแหละ “จุรินทร์”  เอี่ยวทุจริตถุงมือยาง ทำเป็นกระบวนการ ตั้งคนใกล้ชิดเป็นบอร์ด อคส. เตรียมส่ง ป.ป.ช.และศาลฯ ดำเนินคดี ด้าน “จุรินทร์” ซัดกลับโกหก ลั่นไม่เคยสั่งการในที่ลับ ไม่มีวันยอมคนกล่าวหาว่าโกง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (18ก.พ.) ได้มีการพิจารณาญัตติอภิปรายไมไว้วางใจ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่  2 เป็นประธานการประชุมช่วงแรก  ได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า ฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายไปแล้วทั้งสิ้น 27 ชม. 10 นาที 25 วินาที คงเหลือเวลาในการอภิปราย 22 ชม.58 นาที 44 วินาที


ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย หารือว่า ระยะเวลาที่เหลือของฝ่ายค้าน อาจทำให้การอภิปรายไม่เสร็จสิ้นในวันที่ 19 ก.พ.เพราะยังมีเวลาที่รัฐมนตรีต้องชี้แจง จึงขอให้วิปรัฐบาล ไปหารือกับรัฐบาลเพื่อกำหนดเวลา

จากนั้นนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง  ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญาและความสามารถ  ไม่มีความรอบครอบระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน การบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทุจริตการขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า(อคส.)  มูลค่าความเสียหาย 2 พันล้านบาท ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงพาณิชย์โดยการกระทำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กับพวก ชี้ว่านายกรัฐมนตรี ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริต เพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตนเองและพวกพ้อง จนได้ชื่อว่าเป็นยุคที่มีการทุจริตเฟื้องฟูเบ่งบานมากที่สุด ขาดความรอบครอบ  ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต  เปิดเผย ปกปิดการกระทำความผิดของตนเอง และพวกพ้อง และเชื่อว่ายังมีการทุจริตอีกหลายหน่วยงาน


นายประเสริฐ นำหลักฐานมาเปิดเผยว่า นายจุรินทร์ แต่งตั้งคนใกล้ชิดดำรงตำแหน่งใน อคส.จากนั้นพบว่ามีการทำสัญญาซื้อถุงมือยางกับ 3 บริษัทอย่างมีพิรุธ สั่งซื้อมากถึง 826 ล้านกล่อง ราคารวมกว่าแสนล้านบาท ทั้งที่บริษัทดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีประสบการณ์ในการผลิตถุงมือยาง ที่สำคัญเมื่อไปตรวจสอบ ก็พบว่า บริษัทดังกล่าวไม่มีอยู่จริง พร้อมนำคลิปเสียงที่อ้างว่าบันทึกระหว่างการประชุมกรรมาธิการการพาณิชย์ มายืนยันว่า มีการเร่งรัดทำสัญญากับ 3 บริษัทดังกล่าวจริง และอ้างว่าเป็นผลงานของนายจุรินทร์ ที่แสวงหาประโยชน์ สมรู้ร่วมคิด แบ่งงานกันทำกับนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธาน อคส. มีอดีตสื่อมวลชนร่วมด้วย และเคยมาร่วมรับประทานอาหารที่รัฐสภา ทั้งนี่เมื่อพบพิรุธ ก็ละเว้นไม่ดำเนินการใดๆ กับนายสุชาติ เพราะกลัวถูกเปิดเผยข้อเท็จจริง

“ผมถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริตอย่างหน้าด้านอย่างไร้ยางอาย เป็นการปล้นชาติจึงไม่สามารถไว้วางใจนายจุรินทร์ให้บริหารประเทศต่อไปได้”นายประเสริฐ กล่าว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจง ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา  ยืนยันที่ผ่านมาเคยชี้แจงทั้งผ่านสื่อและไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมยืนยันไม่ได้ร่วมสนทนาในเทปที่นำมาเปิด และไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งนี้สิ่งที่ผู้อภิปรายกล่าวถึงอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.กับพวก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ และอีก 7 บริษัท ประธานบอร์ดและบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น  ตนเห็นด้วยเกือบจะทุกประการ ไม่มีอะไรโต้แย้ง แต่ขอปฏิเสธว่า ตนไม่เข้าไปเคยเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวกับโครงการนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นในที่ลับหรือที่แจ้งก็ตาม


นายจุรินทร์ชี้ว่า ผู้อภิปรายโกหกหลายประการ  โดยเรื่องกมธ.พาณิชย์ ที่หยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างว่ามีการกล่าวพาดพิงถึงรัฐมนตรีนั้นมีจริง แต่อ้างไม่หมด ส่วนที่บอกว่าตนไม่เคยตั้งกรรมการสอบ ไม่อายัดเงิน หรือไม่ดำเนินคดีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะมีการตั้งกรรมการสอบ โดยอคส. และตนก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องนี้ตลอดเพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตเท่านั้นเอง ส่วนที่บอกว่าหลังย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวย อคส.นายกฯไม่ได้ทำอะไรเลย ขอชี้แจงเพื่อความเป็นธรรมว่า ทันทีที่ตนทราบเรื่องก็ดำเนินการจนย้ายอดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.ไปประจำสำนักนายกฯ โดยคำสั่งของนายกฯ และเมื่อมีการตั้งกระทู้ก็ได้มอบหมายให้ตนตอบกระทู้และติดตามความคืบหน้ามาโดยลำดับ

นายจุรินทร์ กล่าวว่าการอ้างถึงประธานบอร์ดบอกว่าใกล้ชิดเป็นคนสนิทนายบัญญัติ บรรทัดฐาน นั้น  ไม่ว่าจะรู้จักใคร แม้ว่าจะเป็นนายกฯ หรือรัฐมนตรี ไม่ได้แปลว่าจะมีอำนาจล้นฟ้าหรือทำอะไรก็ได้  

“เมื่อทำผิดกฎหมายต้องเข้าคุก เรื่องนี้ผมไม่ยอม ไม่ว่าใครทุจริตโครงการนี้ก็ตาม ผมจะจัดการทั้งทางวินัย แพ่ง อาญา จนถึงที่สุด ตราบเท่าที่ผมอยู่ในอำนาจหน้าที่และกฎหมายให้อำนาจผม ขอพูดไว้ต่อสภาฯ  ไม่ใช่ไปพูดที่ใด การเอาเทปมาเปิดและตีความผิดเพื่อจงใจใส่ความ ทำให้คนเข้าใจผิดว่ารัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง”รมว.พาณิชย์ กล่าว

นายจุรินทร์ ชี้แจงว่า อคส.เป็นรัฐวิสาหกิจของกระทรวงฯ ไม่ใช่ส่วนราชการที่รัฐมนตรีมีอำนาจไปสั่งการทางนโยบายได้ และคนที่มีอำนาจวางนโยบายคือบอร์ดเท่านั้นและมีอำนาจเป็นผู้บังคับบัญชาของผู้อำนวยการในการแต่งตั้งถอนถอดโดยขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่รัฐมนตรีมีอำนาจจำกัดตามพระราชกฤษฎีกา อคส.ฉบับใหม่ 2535 เนื่องจากนำรัฐมนตรีออกจากการเป็นประธานบอร์ด แต่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาทำหน้าที่แทนเหมือนรัฐมนตรีกลายเป็นบุรุษไปรษณีย์ ระหว่างครม. บอร์ด ผู้อำนวยการและพนักงาน  ไม่มีอำนาจบังคับบัญชา ต่างจากกรมที่รัฐมนตรีดูแล เพราะต้องการให้อคส.เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง

นายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ทันทีที่ผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่รับทราบความไม่ชอบมาพากลและรายงานให้ตนทราบ  ก็ได้ใช้อำนาจที่มีอยู่จำกัดดำเนินการร่วมกับผู้อำนวยการอคส.หลายอย่าง  หลังจากที่ได้รายงานนายกฯแล้ว นายกฯก็ลงนามคำสั่งย้ายไปประจำสำนักนายกฯ  มีการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง จากนั้นก็มีมติระงับโครงการทันที และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดีกับอดีตรักษาการอคส.กับพวก และบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ รวมทั้งแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและอายัดบัญชีของอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อคส.กับพวก  หลังจากนั้นได้ยื่นป.ป.ช.เอาผิดกรณีใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต เป็น

 นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า ทางผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ รายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 ว่าขณะนี้สอบเสร็จแล้ว มีเอกสาร 2,268 แผ่น พบผู้ที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเพิ่มเติมจากอดีตรักษาการอคส. 1 คน แต่มีเพิ่มอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน และได้รายงานข้อเท็จจริงต่อบอร์ดแล้วมีมติรับทราบ ขณะเดียวกันผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ส่งสำเนารายรายงานการตรวจสอบไปยังป.ป.ช.เพื่อประกอบการพิจารณาไต่สวนดำเนินคดี และนำผลที่พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมไปดำเนินการตั้งกรรมการสอบตามขั้นตอนทางวินัยของระเบียบอคส.ต่อไป ซึ่งตนได้รับทราบ และสั่งเร่งดำเนินการทางวินัย แพ่ง อาญา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ อย่างไรก็ตามจะให้ฝ่ายกฎหมายไปดูว่าจะดำเนินคดีได้หรือไม่ เพราะคนอย่างตนใครมากล่าวหาว่าโกง ไม่มีวันยอม ทนายความคนหนึ่งหาว่าตนโกงหน้ากากตนฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว เพราะฉะนั้นการกล่าวอ้างอะไรอย่าฟังความข้างเดียว

“ผมได้ทำทุกอย่างเรียกได้ว่าครบถ้วนด้วยความปรารถนาอย่างแท้จริงที่ตั้งใจจะนำคนผิดมาลงโทษและเอาเงิน 2 พันล้านของอคส.พร้อมดอกเบี้ยกลับคืนมาเป็นของรัฐโดยเร็วภายใต้อำนาจที่มีอยู่ ส่วนที่ห่วงว่ามีการอายัดบัญชีหรือไม่ ขณะนี้ป.ป.ง.ได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ที่ผมพูดได้เพราะไม่ได้แทรกแซงหรือล้วงความลับแต่ทางประธานป.ป.ช.แถลงตั้งอนุกรรมการไต่สวนและลงมติอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องไว้แล้วแต่ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนเงินได้ และการที่ท่านหยิบยกการให้การของอดีตรักษาการของผู้อำนวยการอคส.ขึ้นมาพูด และบอกว่าอดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.พูดพาดพิงว่าผมรับทราบเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางนั้น ท่านฟังความข้างเดียว เสียยี่ห้ออดีตรัฐมนตรีหมดเลย เพราะรายงานนี้ผมไม่เคยมีโอกาสไปชี้แจงเลย มีแต่อดีตรักษาการผู้อำนวยการอคส.เท่านั้น ทำไมท่านหัวอ่อนเช่นนี้ “œนายจุรินทร์ กล่าว

นายประเสริฐ ระบุ จะไปยื่นดำเนินคดี รมว.พาณิชย์ และนายกรัฐมนตรี ต่อ ป.ป.ช. และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้เตรียมไปชี้แจง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ส่องความเสียหายน้ำท่วมหล่มสัก ชาวบ้านหวั่นท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ จะลดลงจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง บ้านเรือนร้านค้าหลายร้อยหลังเจอน้ำท่วมซ้ำเป็นรอบที่ 2 ในช่วง 3 สัปดาห์ ทำให้ชาวบ้านกังวลหล่มสักจะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก.-สำนักข่าวไทย

ไรเดอร์ร้องถูกชายอ้างเป็นตำรวจ ขี่รถประกบ-ข่มขู่

กทม. 21 ก.ย. – ไรเดอร์หนุ่ม สุดงง ถูกชายอ้างเป็นตำรวจสายสืบขี่รถตามประกบ ข่มขู่ดำเนินคดีเป็นไรเดอร์เถื่อน ขณะ สน.หนองแขม ยันไม่ใช่ตำรวจในสังกัด “ต๊ะ” ไรเดอร์วัย 27 ปี โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊ก และนำมาร้องสื่อ โดยบอกว่า ชายคนนี้อ้างตัวเป็นตำรวจ ขี่รถมาประกบ และจอดขวางขณะกำลังขี่รถมาถึงปากซอยเพชรเกษม 81/5 เพื่อไปรับงานส่งลูกค้า ส่วนตอนคนที่อ้างเป็นตำรวจ เดินลงจากรถจักรยานยนต์ ก็อ้างว่าที่เรียกตรวจ เพราะเห็นว่าเป็นไรเดอร์ แต่ไม่มีกล่องใส่อาหารอยู่ท้ายรถ ซึ่งชายคนนี้ตามตัวมีครบทั้งวิทยุสื่อสาร ไฟฉาย และเสื้อที่ปักว่า “สืบ” มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนคือนิสัยที่ไม่เหมือนตำรวจ ทำให้ “ต๊ะ” ตัดสินใจถ่ายคลิปไว้ป้องกันตัวเอง เพราะเหตุเกิดขึ้นช่วงเที่ยงคืน หลังเกิดการโต้เถียงกัน สุดท้ายชายคนที่แอบอ้างเป็นตำรวจก็ไล่ “ต๊ะ” บอกจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนเอง “ต๊ะ” จึงขี่รถกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เพราะที่จะไปรับลูกค้าก็ไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อขี่รถออกมา ชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจยังขี่รถตามมา “ด่า” จนถึงปากซอยทางเข้าบ้าน แล้วก็ขี่รถฉีกออกไปมุ่งหน้าไปทางอ้อมใหญ่ ทำให้ “ต๊ะ” ค่อนข้างมั่นใจว่า ชายคนนี้ไม่ใช่ตำรวจ […]

“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์

ศรีสะเกษ 21 ก.ย.-“อนุทิน” ขึ้นรถอีแต๊ก ยกทัพภูมิใจไทย หาเสียงรอบตลาดภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ประเทศ มั่นใจชนะแน่ ไม่ต้องรบกวนให้ท่านช่วย ด้าน “จ๋า ธนนนท์” ภรรยา ขอสานฝันวัยเด็ก อยากเป็นนางงามขึ้นรถแห่ช่วยหาเสียง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ภายหลังจากเสร็จสิ้นการปราศรัยช่วยหาเสียงให้ นางสาวจินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล หรือครูอีฟ ผู้สมัคร สส.ภูมิใจไทย ในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ได้ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอภูสิงห์ อาทิ เทพารักษ์ ศาลหลักเมืองประจำอำเภอ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขอพรอะไรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นายอนุทิน เผยว่า ได้ขอพรให้ประเทศไทยร่มเย็นเป็นสุข เข้มแข็ง มีแต่ชัยชนะ ประชาชนอยู่ดีกินดี จริงๆ ก็ขอแค่นี้ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้ชนะเลือกตั้งซ่อมหรือไม่ นายอนุทิน เผยด้วยความมั่นใจว่า ภูมิใจไทยชนะ ไม่รบกวนท่าน ไม่รบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจะขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ขอให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ขอให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขแค่นี้ ต่อมานายอนุทิน ได้เดินหาเสียงที่ตลาดภูสิงห์ ช่วยนางสาวจินณ์ตวรรณ […]

ทบ.ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้ข้อมูลหลักเขตแดนที่ 42-43 เป็นไปตามกรอบ JBC พร้อมเรียกร้องกัมพูชาหยุดบิดเบือนความจริง และให้ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำเขตไทยย้ายออกนอกพื้นที่ กรณีสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการชายแดนกัมพูชา แถลงการณ์เมื่อ 21 ก.ย. 68 ว่า “พบการเผยแพร่ข้อมูลผ่านบัญชี Facebook Page ชื่อ “Royal Thai Army: Update” เมื่อ 19 กันยายน 2568 โดยใช้แผนผังที่แสดงลักษณะภูมิศาสตร์และตำแหน่งหลักเขตแดน ซึ่งเป็นบันทึกการประชุมลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2017 (พ.ศ. 2560) และภาคผนวกของบันทึกการประชุมลงวันที่ 28 ธันวาคม 2016 (พ.ศ. 2559) ของคณะกรรมการรังวัดร่วมกัมพูชา–ไทย ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจหาตำแหน่งที่แท้จริงของหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข 43 ในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน โดยมีการบิดเบือนให้เข้าใจผิดไปว่า คณะผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการว่าด้วยกิจการพรมแดน (ฯพณฯ ลาย เซียงลี) ได้ลงนามยอมรับเส้นเขตแดนอย่างเป็นทางการในพื้นที่หมู่บ้านไปรจัน ซึ่งอยู่ระหว่างหลักเขตแดนหมายเลข 42 และหมายเลข […]