นายกฯ สั่งลงโทษเด็ดขาดลักลอบทิ้งขยะลงทะเล

กรุงเทพฯ 12 ก.พ.-นายกรัฐมนตรีห่วงใยปัญหาขยะทะเล ชี้กำจัดไม่ถูกวิธีสร้างปัญหาระบบนิเวศ สั่งลงโทษเด็ดขาดกรณีลักลอบนำไปทิ้งทะเล แนะต้องดูแลสมดุลการท่องเที่ยวกับธรรมชาติ


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับรายงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถึงสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทราบว่าปัจจุบันได้มีกิจกรรมการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพื้นที่ชายฝั่งเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในส่วนของเกษตรกรรม การท่องเที่ยวทางทะเล การขนส่งและพาณิชย์นาวีและชุมชนชายฝั่งจน ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมมากขึ้นด้วย จึงมีข้อห่วงใยและมีข้อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อการดูแลทรัพยากรธรรมชาติที่เข้มงวด ​ ​

โดยเฉพาะส่วนของปัญหาขยะทะเล ที่มีรายงานว่าปัจจุบันมีปริมาณขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด จำนวนถึง 11.47 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีการกำจัดที่ถูกต้อง 6.73 ล้านตัน/ปี หรือคิดเป็น 59% ในปริมาณนี้สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ 2.93 ล้านตัน/ปี หรือ 25% ของขยะทั้งหมด แต่ยังมีขยะอีกเกือบ 40% ที่ยังกำจัดไม่ถูกต้องและสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยในประเด็นการจัดการปัญหาขยะทะเล เพราะขยะเหล่านี้นอกจากสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อมแนวชายฝั่งที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่สุขภาพของประชาชน ต่อภาคการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศทางทะเล จึงสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องดูและเรื่องนี้อย่างเข้มงวด หากพบมีการขนขยะไปทิ้งทะเลให้มีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว ​

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังให้นโยบายว่าจะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศกับการดูแลทรัพยากรชายฝั่ง ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมานั้นพบว่าสภาพป่าชายหาดหลายพื้นที่ถูกทำลายและปรับเปลี่ยนสภาพเพื่อรองรับกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวจนไม่เหลือสภาพธรรมชาติดั้งเดิม ทำให้ระบบนิเวศป่าชายหาดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จำเป็นต้องเร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรมของระบบนิเวศป่าชายหาดในประเทศให้เร็วที่สุด


ขณะที่สถานการณ์ของป่าชายเลนที่ในปี 2557 เหลืออยู่ 1,534,584.74 ไร่ ลดลงจาก 2,299,375 ไร่ ในปี 2504 หรือ ลดลง 764,790.26 ไร่ จากการบุกรุกทำลาย แม้ต่อมาจะมีนโยบายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและยกเลิกสัมปทานการทำไม้ป่าชายเลนตั้งแต่ปี 2546 ก็พบว่าถึงขณะนี้ ป่าชายเลนใน 17 จังหวัด เพิ่มขึ้นประมาณ 500 ไร่เท่านั้น โดยแบ่งเป็น ป่าชายเลนฝั่งอ่าวไทยเพิ่มขึ้น 467 ไร่ และฝั่งอันดามันเพิ่มขึ้น 33 ไร่

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการทั้งเร่งฟื้นฟูทั้งส่วนของป่าชายหาดและป่าชายเลน ซึ่งส่วนของป่าชายเลนนั้น ให้มีการปลูกทดแทนเพิ่มขึ้น โดยให้ภาคเอกชนและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เช่น ให้จัดตั้งเครือข่ายภาคประชาชน การสนับสนุนกิจกรรมซีเอสอาร์ที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร ในขณะที่การท่องเที่ยวป่าชายเลนต้องดูแลไม่ให้เกิดการรบกวนธรรมชาติมากจนเกินไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัญหาทรัพยากรทางทะเลเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญ เพราะการพัฒนาประเทศหลายด้านมีการใช้ประโยชน์และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล ต้องดูแลให้เกิดความสมดุล ซึ่งกรอบนโยบายที่รัฐบาลขับเคลื่อนได้ให้ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) แผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล พ.ศ. 2558 – 2564 การพัฒนาเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของไทย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564).-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว