ศบค.เผยจุฬาฯ ติดเชื้อ 9 ราย

ทำเนียบรัฐบาล 8 ก.พ.- ผู้ช่วยโฆษก ศบค.แถลงมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 186 ราย คาดที่จุฬาฯ มีติดเชื้ออีก 9 ราย เตรียมคัดกรองเชิงรุกโรงงานสมุทสาครที่พบเชื้อน้อยกว่า 10 % กว่า 50 แห่ง


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด 19 วันนี้(8 ก.พ.) เพิ่มขึ้น 186 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 23,557 ราย หายป่วยแล้ว 17,410 ราย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 6,068 ราย ผู้เสียชีวิตสะสมรวม 79 คน โดยเป็นผู้ป่วยยืนยันสะสมรอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 8 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 19,320 ราย

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น 186 ราย เเบ่งเป็นผู้ที่ติดเชื้อในประเทศ 176 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและบริการ 141 ราย จากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 35 ราย และผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้า state quarantine 10 ราย เดินทางมาจากเยอรมนี 1 ราย อินเดีย 1 ราย มาเลเซีย 1 ราย ตุรกี 1 ราย สวีเดน 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย สหราชอาณาจักร 2 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย


“สำหรับผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯจำนวน 3 ราย พบว่าเป็นผู้ที่ติดเชื้อในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง-ต่ำไปแล้ว และคาดว่าจะมี 9 รายที่มีแนวโน้มจะเป็นผู้ติดเชื้อโควิค ทั้งนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รายงานการสอบสวนวงจรของโรคอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง 14 วัน ก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่พบเชื้อ และมีมาตรการให้ผู้มีความเสี่ยงลาหยุดกักตัวเฝ้าดูอาการ และทำความสะอาดพื้นที่ โดยมีคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินโควิด 19 ติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและดูแลอาการ” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดสมุทรสาครยังคงค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชนอย่างต่อเนื่อง และกำหนดมาตรการของจังหวัดในการคัดกรองเชิงรุกในโรงงานที่พบผู้ติดเชื้อน้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ที่มีอยู่ประมาณ 50 โรงงาน เพราะที่ผ่านมาได้คัดกรองโรงงานที่พบผู้ติดเชื้อเกินกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ไปหมดแล้ว โดยในการตรวจจะค้นหา 100-150 เคสต่อวันต่อ 1 โรงงานหรือประมาณ 5,000 คนต่อวัน ซึ่งมาตรการที่เข้มข้นของจังหวัดสมุทรสาครเพื่อจะติดตามคัดกรองและตีกรอบโรค หวังว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็จะให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็ว

“ผู้ป่วยโควิดรายแรกที่อาศัยในอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีอาชีพแม่ค้าขายหมู แม้จะพักอาศัยอยู่ที่อำเภออัมพวา แต่เดินทางไปหลายจังหวัด ทั้งการไปขายของในตลาดรถไฟ จังหวัดสมุทรสาครและการไปรับหมูที่อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โดยพบว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นคนในครอบครัวไปตรวจหาเชื้อ เนื่องจากเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ทำให้พบลูกสะใภ้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน แต่สิ่งที่น่าสนใจสำหรับกรณีนี้ เนื่องจากเป็นผู้ที่เดินทางไปมาหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งในครอบครัวตลาดและชุมชนตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์เดียวกัน 87 ราย และมีความเชื่อมโยงหลายจังหวัดอาทิ สมุทรสาคร 22 ราย เพชรบุรี 5 รายกรุงเทพฯ สุพรรณบุรีและราชบุรีจังหวัดละ 1 ราย ซึ่งพฤติกรรมนี้เกิดจากการเดินทางข้ามจังหวัดและพบปะกัน” พญ.อภิสมัย กล่าว


ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่ต้องเข้ารับการตรวจต้องมีคุณสมบัติที่มีสมาชิกในครอบครัวป่วยและสัมผัสใกล้ชิด พูดคุยกับผู้ป่วยเกิน 5 นาที โดยไม่สวมอุปกรณ์ป้องกัน ถูกไอหรือจามใส่ และอยู่ร่วมกันในสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเทเกินกว่า 15 นาที แต่กรณีของการพักอาศัยอยู่ในสถานที่เดียวกับผู้ป่วย และการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันไม่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือเจ้าของและผู้ประกอบการ ที่ดูแลเกี่ยวกับที่พักอาศัย ให้ตั้งคณะกรรมการสำหรับการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและออกมาตรการการดูแลคัดกรองให้ปฏิบัติการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขภายในสถานที่พัก

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนโควิด ทั่วโลกฉีดไปแล้ว 73 ประเทศ 128 ล้านโด๊ส โดยสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ฉีดสูงสุด 40 ล้านโด๊ส ขณะเดียวกันมีคำถามตามมาว่ารัฐบาลควรกำหนดมาตรการให้คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามสถานการณ์ โควิดอย่างต่อเนื่อง และกำหนดมาตรการตามความเหมาะสม นำตัวเลขสถิติมาวิเคราะห์ ดังนั้น การจะเลียนแบบต่างประเทศเพียงอย่างเดียวคงทำไม่ได้ ต้องดูบริบทให้เหมาะสมกับประเทศไทยด้วย

“ในสัปดาห์นี้จะมีวันหยุดสำคัญของเทศกาลตรุษจีนที่หลายคนรอคอย หวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการผ่อนคลายเพื่อจะได้เฉลิมฉลอง ชดเชยจากช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ในความเป็นจริง เป็นห่วงเรื่องการรวมญาติ เพราะเดินทางเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด การรวมกลุ่มจึงต้องเฝ้าระวังสูงสุด สิ่งที่เป็นห่วงมากคือการจับจ่ายใช้สอย รวมตัวไปซื้อของตามตลาดและซุปเปอร์มาเก็ต อาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อสูง จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษามาตรการเว้นระยะห่าง การแจกอั่งเปาสามารถทำออนไลน์ได้โดยการโอนเงินผ่านเน็ตเเบงค์ ส่วนการซื้อขายของไหว้สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้เช่นกัน รวมถึงวันวาเลนไทน์อยากฝากว่าหากรักกันก็ควรจะมีระยะห่างด้วย” ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าว

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากกระทรวงแรงงานว่าในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้จะหมดเขตขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว หากไม่มาขึ้นทะเบียนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ล่าสุดมีรายงานมาขึ้นทะเบียนแล้ว 416,769 ราย โดยเป็นแรงงานที่มีนายจ้าง 384,102 ราย จึงอยากขอความร่วมมือให้ทั้งนายจ้างและแรงงานต่างด้าวทุกคนเข้ารับการขึ้นทะเบียน และปฏิบัติตามกฎหมายให้ถูกต้อง ซึ่งมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ รัฐบาลจะประกาศออกมาเป็นระยะ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]