ทำเนียบฯ 2 ก.พ.- นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าไทยจะยึดจุดยืนของอาเซียนต่อเหตุการณ์ ปฏิวัติในเมียนมา ด้าน รมว.ต่างประเทศ ยันคนไทยในเมียนมายังปลอดภัยดี ส่วน ครม.วันนี้จะมีข้อสรุปเรื่องวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทางออกเบี้ยคนชราที่ซ้ำซ้อน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการดูแลคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดนหลังเกิดการยึดอำนาจในประเทศเมียนมาว่าได้สั่งการไปหลายวันแล้ว ส่วนจุดยืนของประเทศไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามจุดยืนตามอาเซียน
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ย้ำว่า คนไทยในเมียนมาปลอดภัยดีอยู่แล้ว ส่วนจุดยืนของไทยและอาเซียนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ทางประธานอาเซียนได้มีการออกแถลงการณ์ในเรื่องดังกล่าวแล้ว
ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการดูแลด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดนเมียนมาว่า เมื่อวานกำชับมีให้หน่วยงานสาธารณสุขในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดน เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ป้องกันการลักลอบเข้ามา ยอมรับว่าส่วนตัวก็กังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามแนวชายแดน และทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือ
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มวีโว่ที่หน้าสถานทูตเมียนมาวานนี้นั้น หากมาร่วมชุมนุมและไม่สวมหน้ากากอนามัย ก็ถือว่ามีความผิด พร้อมระบุว่า “ปัญหาบ้านโน่นจะมายุ่งอะไรกับบ้านนี้”
อย่างไรก็ตาม การประชุม ครม.วันนี้ จะมีการหารือถึงแนวทางแก้ปัญหาเบี้ยคนชราที่มีปัญหาจ่ายซ้ำซ้อนในหลายพื้นที่ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. มารายต่อ ครม. ทางออกจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี จะหารือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่สำนักงานเลขาธิการสภาได้ส่งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาให้รัฐบาล เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี มาเป็นวันที่ 15 กุมภาพันธ์แล้ว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมสภา
ก่อนการประชุม ครม. นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชาสัมพันธ์ เรื่องการจำหน่ายดอกป๊อบปี้ เนื่องในวันทหารผ่านศึก ซึ่งตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี โดยปีนี้ไม่ได้มีการเผยแพร่มากนัก เพราะด้วยสถานการณ์โควิด-19 เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือทหารผ่านศึก ขณะที่ทหารทุกวันนี้ไม่ได้มีหน้าที่แค่รั้วของชาติ แต่ต้องช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาทรัพยากรประเทศ การช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ และทุกมิติภายใต้รัฐธรรมนูญ อยากให้ช่วยกันชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่ามีทหารไว้ทำไม รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีไม่ได้ไว้ใช้เพื่อการสงคราม แต่เพื่อมีไว้เป็นศักยภาพ และรักษาอำนาจที่ไม่มีตัวตนของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามในวันข้างหน้า จึงมีการพัฒนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย