หวั่นเสียค่าโง่สภาฯ วัชระ วอนชวน ส่งทีมกม.สู้

รัฐสภา 2ก.พ.-วัชระ เผยสัญญาเอกชนก่อสร้างรัฐสภา900 วันขยายให้ 1,864 วันยังไม่เสร็จแถมจ่อฟ้องสภาเรียกเงินอีก 1,600 ล้าน วอน ชวน ส่งทีมกฎหมายสู้คดี หวั่นต้องเสียค่าโง่ซ้ำซาก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (2ก.พ.)นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่านเจ้าหน้าที่สารบรรณรัฐสภา ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งทีมกฎหมายให้คำปรึกษาแนะนำสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในการต่อสู้คดีกับบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างสภา เพื่อป้องกันการเสียค่าโง่ และขอคัดค้านการงดหรือลดค่าปรับให้บริษัทผู้รับเหมาในทุกกรณี

นายวัชระ กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 ได้เคยส่งหนังสือถึงประธานสภาฯ ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน กรณีบริษัทผู้รับเหมามีการรับเหมาช่วงผิดสัญญาก่อสร้างต่างๆ ต่อมาบริษัทผู้รับเหมาได้ส่งหนังสือลงวันที่ 29 มกราคม 2564 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ขอสงวนสิทธิสำหรับการโต้แย้งและเรียกร้องความเสียหายจากมติที่เป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยบริษัทผู้รับเหมาอ้างว่า 1.มติการไม่ขยายเวลาก่อสร้าง ทางราชการปฏิบัติไม่ถูกต้อง และจะนำไปฟ้องต่อศาลปกครองพร้อมเรียกค่าเสียหายจากการผิดสัญญาอีก 2.ผู้รับเหมาอาจจะต้องฟ้องเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่อนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้าง มีลักษณะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งความเห็นของสำนักงานกฎหมายได้สรุปสาระสำคัญเจตนาไม่สุจริตของผู้รับจ้าง,ใช้สิทธิไม่สุจริต,กรณีนี้อาจไม่มีความสมเหตุสมผลเพียงพอ และไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการ ฉะนั้นการไม่อนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 5 จำนวน 133 วัน ให้แก่ผู้รับเหมาจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว


นายวัชระ กล่าวว่าสำหรับสัญญาก่อสร้างเลขที่ 116/ 2556 ลงวันที่ 30 เมษายน 2556 มีกำหนดเวลาก่อสร้าง 900 วัน วงเงิน 12,280 ล้านบาท มีการขยายเวลาครั้งที่ 1 จำนวน 387 วัน /ครั้งที่ 2 จำนวน 421 วัน /ครั้งที่ 3 จำนวน 674 วัน/ครั้งที่ 4 จำนวน 382 วัน รวมระยะเวลาที่ขยายทั้งสิ้น 1,864 วัน มากกว่าสัญญาหลักถึง 2 เท่าคิดรวมเวลาทั้งสิ้น 1,864 + 900 = 2,764 วัน ก็ยังสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญาก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างมหาศาล จึงขอให้ประธานสภาฯได้ทราบว่าบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างจะฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรต่อศาลปกครองกลางเป็นคดีเพิ่มเติมอีก หลังจากที่บริษัทฟ้องเป็นคดีปกครองเลขดำที่ 961/2563 ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรชำระหนี้ 1,596,592,305.46 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี ขณะเดียวกันขอคัดค้านการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจะปรับลดหรืองดค่าปรับให้บริษัทผู้รับเหมาทุกกรณี เนื่องจากเอกชนเอาเปรียบทางราชการมามากแล้ว จึงขอให้ประธานสภาฯแจ้งให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบ

“ผมในฐานะประชาชนผู้เสียภาษี ไม่ต้องการที่จะเห็นทางราชการเสียค่าโง่จากการที่บริษัทเอกชนฟ้องสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จึงขอให้ประธานสภาฯในฐานะผู้บังคับบัญชา และเลขาธิการสภาฯรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อประธานสภาฯตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.2554 มาตรา 10 วรรคแรก เพื่อส่งทีมกฎหมายให้คำปรึกษาแนะนำในการต่อสู้คดีแก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หรือวิธีอื่นใดเพื่อราชการจะไม่เสียเปรียบเอกชน และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ เพื่อรักษาชื่อเสียงเกียรติภูมิของรัฐสภาไทยด้วย” นายวัชระ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชิงทอง

สอบเครียด! คนร้ายชิงทอง 113 บาท สารภาพเอาไปจำนำบางส่วน

สอบเครียดทั้งคืน ผู้ต้องหาชิงทอง 113 บาท รับสารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน ซื้อเบ้าหลอมเพื่อให้ยากต่อการติดตามของตำรวจ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด

ข่าวแนะนำ

ทำแผนชิงทอง

คุมทำแผนโจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท

คุมตัวทำแผน โจรบุกเดี่ยวชิงทอง 113 บาท ในห้างฯ ย่านลำลูกกา สารภาพนำทองไปจำนำบางส่วน และซื้ออุปกรณ์หลอมทองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่

จับเรือประมงเมียนมา

จับเรือประมงเมียนมา รุกล้ำน่านน้ำไทย

ศรชล.ภาค 3 จับกุมเรือประมงเมียนมาพร้อมลูกเรือ 13 คน ขณะลักลอบนำเรือประมงจอดลอยลำในทะเลอาณาเขตของไทย บริเวณ จ.ระนอง ใกล้เกาะค้างคาว