กทม.ยังห้ามกินเหล้าในร้านอาหาร

ทำเนียบรัฐบาล 29 ม.ค.- ศบค. เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 802 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ออกมาตรการผ่อนคลายตามเขตพื้นที่สถานการณ์ ให้ กทม.นั่งรับประทานในร้านได้ถึง 23.00 น. แต่งดสุรา


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 802 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 781 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 21 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 89 ราย จากการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 692 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าสถานที่กักกันจากรัฐจัดให้ 19 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 17,023 ราย หายป่วยแล้ว 11,396 ราย รักษาตัวอยู่ 5,314 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตสะสม 76 ราย ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ร้อยละ 98 พบที่จังหวัดสมุทรสาคร และที่กรุงเทพมหานคร พบร้อยละ 1.2 และจังหวัดอื่นๆ ร้อยละ 0.8

โฆษก ศบค. กล่าวว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระราชทานสิ่งของต่าง ๆ ทางด้านการแพทย์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน พร้อมเผยถึงผลการสำรวจจากประเทศออสเตรเลียที่จัดอันดับประเทศที่รับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีที่สุด โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 98 ประเทศ


“นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ อดทน อดกลั้นเพื่อประเทศชาติ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครให้มีสุขภาพแข็งแรงโดยเร็ว ส่วนเรื่องวัคซีน ต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ต้องสื่อสารกับประชาชนให้ทราบถึงภารกิจกับโควิด-19 เพราะถ้าประชาชนเข้าใจ จะทำให้การทำงานประสบความสำเร็จ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวถึงมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดที่เสนอโดยเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยจะกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ออกเป็น 5 ระดับ คือ พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) 35 จังหวัด, พื้นที่เฝ้าระวังสูง(สีเหลือง) 17 จังหวัด ,พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 20 จังหวัด , พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) คือจังหวัดสมุทรสาคร

“พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดคือจังหวัดสมุทรสาคร ยังคงปิดสถานที่และเข้มงวดการควบคุมกำกับ ได้แก่ สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ สนามมวย สนามชนวัน ชนไก่ สนามพระเครื่อง ฟิตเนส กิจการอาบอบนวด สปา นวดแผนไทย โรงเรียน โรงเรียนกวดวิชา สถาบันการศึกษา สนามเด็กเล่น สวนสนุก ร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต การประชุมงานเลี้ยง กิจกรรมประเพณีที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก การจัดงานแสดงสินค้า สถานีขนส่งสาธารณะ และสามารถเปิดสถานที่ ได้แก่ ตลาด ตลาดนัด โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ส่วนร้านอาหารเปิดบริการได้ไม่เกิน 21.00 น. และงดดื่มสุราในร้าน ขณะที่ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. ส่วนสถานประกอบการและโรงแรมต้องมีมาตรการป้องกันโรคใน องค์กรและจัดให้มีระบบติดตามตัวผู้เดินทางเข้าออกทุกคน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


“ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัดคือกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ ปิดสถานบริการ ผับ บาร์คาราโอเกะ ส่วนร้านอาหาร ให้นั่งรับประทานได้จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะ จำกัดเวลาไม่เกิน 23.00 น. งดดื่มสุราในร้าน แต่สามารถซื้อกลับได้ ส่วนการจัดการเรียนการสอน ให้จัดแบบผสมผสาน(on site, online ,on air) กรณีโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่มีจำนวนนักเรียน รวมไม่เกิน 120 คน หรือโรงเรียนตระเวนชายแดนทุกพื้นที่สามารถเปิดการเรียนได้ตามปกติ และงดกิจกรรมที่มีผู้ร่วมเป็นจำนวนมาก” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในส่วนแรงงานต่างด้าว ต้องจำกัดการเดินทางและเคลื่อนย้าย หากมีความจำเป็นต้องเดินทางและเคลื่อนย้าย ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ส่วนบ่อนการพนัน สนามชนไก่ ชนวัว ปิดสถานที่ทุกพื้นที่จังหวัด สถานบริการ อาบอบนวด ปิดสถานที่และงดให้บริการนอกสถานที่ สปา นวดแผนไทยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการตามขนาดพื้นที่ สถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวย แข่งขันได้แบบไม่มีผู้ชม ฝึกซ้อมได้ และป้องกันโรคส่วนบุคคล

“พื้นที่ควบคุม 20 จังหวัด ให้เปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ ไม่เกิน 23.00 น. จำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราได้ไม่เกิน 23.00 น. แสดงดนตรีได้ แต่งดการเต้นรำ เช่นเดียวกับร้านอาหาร ให้นั่งรับประทานอาหารได้ จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะ และจำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราได้ไม่เกิน 23.00 น. ขณะที่ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ เปิดให้บริการได้ตามปกติ แต่งดจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก สถานบริการ อาบอบนวด เปิดบริการได้ โดยจำกัดผู้ใช้บริการ สถานที่ออกกำลังกายในอาคาร ยิม ฟิตเนต สนามมวย แข่งขันได้โดยมีผู้ชมตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่บ่อนการพนัน สนามชนไก่ ชนวัว ปิดสถานที่ทุกพื้นที่จังหวัด ส่วนการจัดการเรียนการสอน การสอบ การฝึกอบรม สามารถเปิดได้ตามปกติ” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด สามารถเปิดสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ โดยจำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น. ร้านอาหาร ให้นั่งรับประทานได้ จำกัดจำนวนคนต่อโต๊ะและจำกัดเวลาจำหน่ายและดื่มสุราไม่เกิน 24.00 น. สถานบริการอาบอบนวดเปิดให้บริการได้ โดยจำกัดการใช้บริการ สถานที่ออกกำลังกายการแจ้งในอาคาร ยิม ฟิตเนส สนามมวยแข่งขันได้ มีผู้ชมตามเกณฑ์ที่กำหนด แต่บ่อนการพนัน สนามชนไก่ ชนวัว ปิดสถานที่ทุกพื้นที่จังหวัด

“สำหรับพื้นที่เฝ้าระวัง ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวจำนวน 35 จังหวัด ให้เปิดสถานบริการผับบาร์คาราโอเกะ และจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน โดยจำกัดเวลาตามที่กฎหมายกำหนด และสามารถแสดงดนตรีและเต้นรำได้ เน้นการเว้นระยะห่าง เช่นเดียวกับร้านอาหาร ให้นั่งรับประทานอาหารได้ ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ นี้จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 แต่หากหลังมาตรการผ่อนคลายแล้ว มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สามารถเปลี่ยนแปลงมาตรการได้ในทันที ดังนั้น ขอให้ทุกคนดูแลทุกอย่างให้เข้มงวดต่อไป” โฆษกศบค. กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย