กระทรงกลาโหม 25 ม.ค.- นายกรัฐมนตรี ขออย่านำเรื่องวัคชีนโควิด -19 มาเป็นประเด็นการเมือง แจงเหตุใช้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มาผลิตวัคชีน เพราะได้มาตรฐานดีที่สุด และถูกเลือกจากบริษัทแอสตราเซนเนกา ไม่ควรโยงสถาบัน ยันใช้มาตรา 112 กับ “ธนาธร” ไม่ได้เลือกปฏิบัติหรือนำมาปิดปาก
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมกลุ่มราษฎร 63 นัดชุมนุมที่อาคารศรีจุลทรัพย์ ที่ตั้งของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เพื่อทวงถามความโปร่งใสในการใช้งบประมาณการผลิตวัคซีนโควิด-19 ว่า ช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะมีการชุมนุม ซึ่งการใช้วัคซีน รัฐบาลได้ระมัดระวังผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนมากที่สุด และขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นไปตามกรอบเวลาหรือไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ ดังนั้นขอร้องนักการเมืองว่าต้องเมืองระมัดระวังการแสดงความเห็นเรื่องวัคซีน และอย่านำเรื่องวัคซีนมาเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง เพราะขณะนี้การเจราจาตกลงกับบริษัทที่ผลิตวัคชีน ก็เดินหน้าไปได้ด้วยดี หากยังคงมีการโจมตีกันไปมา จะเกิดความหวาดระแวง ซึ่งหากเกิดปัญหาแล้วจะส่งผลกระทบต่อคนทั้งประเทศ ในการได้รับการฉีดวัคชีนตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลกำหนด และเมื่อเกิดความเสียหายทุกคนที่ออกมาวิพากวิจารณ์ก็ต้องออกมารับผิดชอบด้วย
“ไม่อยากให้วัคซีนโควิด-19 ถูกโยงเป็นเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องอันตราย ซึ่งรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ ตามมาตรฐานและหลักการของกระทรวงสาธารณสุขที่จะต้องมีความชัดเจน “ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นผู้คิดค้นและเจ้าของลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19 เป็นเพียง 1 ในห่วงโซ่ของการผลิตของบริษัทแอสตราเซนเนกา และเหตุผลที่จะต้องมีโรงงานในการผลิตวัคซีนเนื่องจากต้องรับจ้างผลิต เป็นเรื่องของการดำเนินการทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทดังกล่าวก็ได้สำรวจโรงงานที่มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว และเลือกบริษัทสยามไบโอไซต์ เป็นผู้ผลิต เพราะมีมาตรฐานที่ดีที่สุด ดังนั้นขออย่าดึงสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้ว่าบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จะมีความเชื่อมโยงกับสถาบัน แต่ในการผลิตวัคซีนตามเงื่อนไขของบริษัทแอสตราเซนเนกา รัฐบาลได้ขอพระราชทานอนุญาตแล้ว และเป็นผู้ออกงบประมาณในการดำเนินการ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยการ การจะชุมนุมขออย่าให้ไปกระทบกับคนอื่น หรืออย่าทำอะไรที่ผิดกฏหมาย นอกเหนือจากนี้รัฐบาลรับได้ ส่วนที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวไปดำเนินคดี มาตรา 112 กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ออกวิพากษ์วิจารณ์วัคซีนโควิด-19นั้น ที่ผ่านมาได้ให้โอกาสกับทุกคนมาแล้วและไม่ต้องการให้ถูกมองว่าใช้กฎหมายไปปิดปากคน หรือไปทำร้ายใคร แต่อยากให้พิจารณาว่าการกระทำของนายธนาธรทำซ้ำกี่ครั้งแล้ว และไม่เพียงแต่นายธนาธรเท่านั้น แต่รวมไปถึงคดีของกลุ่มนักศึกษา ที่กระทำผิดซ้ำ ซึ่งต่างกรรมต่างวาระ พร้อมระบุว่าไม่อยากให้นำเรื่องนี้ไปเป็นเรื่องของการเมืองจะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม
“รัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติในการดำเนินคดีมาตรา 112 แต่การกระทำของนายธนาธร เข้าข่ายตามมาตรา 112 และ 116 และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด ดังนั้นอย่าไปให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มากหนัก และหากคิดว่าไม่ได้กระทำความผิดก็ให้ไปต่อสู่ตามขั้นตอนของกฏหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว ส่วนการที่นายธนาธร เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเอกสารที่บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ทำกับบริษัท แอสตราเซนเนกา และพร้อมจะขอโทษหากเข้าใจผิด นายกรัฐมนตรีกล่าวสั้นๆ ว่า พร้อมจะชี้แจงเรื่องดังกล่าวในสภา และมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดใดๆ. – สำนักข่าวไทย