นายกฯ โพสต์เริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เดือน มิ.ย.นี้

ทำเนียบ 15 ม.ค.-นายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 เดือนมิถุนายนนี้ เตรียมวางแผนกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง ขอให้ประชาชนมั่นใจวัคซีนจะป้องกันได้ เพื่อกลับมาเปิดประเทศและใช้ชีวิตตามปกติ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ถึงการประชุมเรื่องวัคซีนโควิด-19 ว่าจากการประชุมอัพเดทเรื่องวัคซีน ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่าการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นทั่วโลก บางประเทศเกิดขึ้นหลายระลอก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่บอกว่าเราคงต้องปรับตัวและอยู่กับไวรัสโควิด-19 ให้ได้ เหมือนไข้หวัดที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ด้วยวัคซีนที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระดับบุคคลก็จะต้องสวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อให้มีภูมิคุ้มกัน


สำหรับในระดับประเทศ เมื่อเกิดการระบาด ก็ต้องมีการจำกัดการเคลื่อนย้าย การใช้พื้นที่ และงด/เลี่ยงกิจกรรมที่มีความเสี่ยง อย่างที่เราทำกันอยู่ในตอนนี้ ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องนี้ย่อมจะสร้างผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และระบบเศรษฐกิจ

เรื่องการฉีดวัคซีนให้กัประชาชนได้มากที่สุดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นบริหารจัดการต้นทุนในการป้องกันและควบคุมโรคที่ถูกที่สุด ถูกกว่าการระดมตรวจหาเชื้อด้วยซ้ำ และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชนในภาพรวม รวมทั้งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ


ตั้งแต่ปลายปี 2563 ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 32 ล้านโดส ในสหรัฐ ฉีดไปแล้ว ประมาณ 10.7 ล้านโดส จีนกว่า 9 ล้านโดส ยุโรป 3.7 ล้านโดส และอังกฤษ 3.1 ล้านโดส

สำหรับประเทศไทยนั้น ต้องทำความเข้าใจว่า เราควบคุมโควิด-19 ได้อยู่ในระดับที่ดี จึงมีจำนวนผู้ติดเชื้อน้อยมาก เราไม่ได้เป็นพื้นที่ระบาดรุนแรง จึงไม่ถูกเลือกให้เป็นที่ทดลองประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน เพราะไม่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงพอ เหมือนในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งบางประเทศในอาเซียนที่มีข่าวว่าได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้ว

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการวัคซีนของเรา ก็ได้ติดตามการวิจัยพัฒนาวัคซีนต้านโควิดมาตั้งแต่หลังการระบาดใหม่ๆ รวมทั้งได้วางแผนการจัดหาและแผนการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้ศูนย์ผลิตวัคซีนของบริษัทสยามไบโอไซนส์ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้า จากประเทศอังกฤษ ได้เริ่มการผลิตวัคซีนมาตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี การผลิตวัคซีนแต่ละล็อตนั้น ต้องใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ทั้งระยะเวลาในการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเร่งรัดข้ามขั้นตอนได้ เพราะจะมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึง

“หากเป็นไปตามแผน วัคซีนแอสต้าเซเนก้าล็อตแรกจะพร้อมฉีดให้ประชาชนในเดือนมิถุนายนนี้ โดยที่รัฐบาลได้สั่งจองไปแล้ว จำนวน 26 ล้านโด๊ส เพื่อฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 13 ล้านคนก่อน และได้เจรจาขอซื้อเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโด๊ส เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนให้มากขึ้น สิ่งที่ผมอยากเรียนให้ทุกท่านทราบ ก็คือ การที่เราเป็นฐานการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น เป็นเหตุผลสำคัญที่จะทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงวัคซีนที่ผลิตได้เร็วขึ้น” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขยังได้สั่งซื้อวัคซีนของซิโนแวค ประเทศจีน จำนวน 2 ล้านโด๊ส ซึ่งจะมาถึงประเทศไทยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ แม้ว่าตอนนี้จะมีข่าวว่าวัคซีนซิโนแวค ที่ทดลองในบราซิล มีประสิทธิผลเพียง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นก็ตาม แต่ผมก็อยากเรียนให้ทราบว่าในทางการแพทย์นั้น ประสิทธิภาพของวัคซีนขึ้นอยู่กับการทดลองว่า ฉีดที่ไหน หรือฉีดให้ใครด้วย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีผลการทดลองวัคซีนซิโนแวค ในตุรกีและอินโดนีเซีย ซึ่งฉีดให้กับประชาชนหลากหลายกลุ่ม ในช่วงอายุต่างๆ กัน มีประสิทธิผลถึง 90% ในขณะที่บราซิลนั้น ทดลองฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จึงอาจทำให้ตัวเลขประสิทธิผลต่ำกว่าที่อื่น แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงสาธารณสุขได้สอบถามไปยังบริษัทซิโนแวคแล้ว เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนเพิ่มเติม

“การฉีดวัคซีนให้ได้ผลในการยับยั้งการระบาด ต้องฉีดให้ได้อย่างน้อย 50% ของจำนวนประชากร หรือจะให้ดีคือ 70% ยกตัวอย่างเช่น ถ้าจะฉีด 50% คือ 33 ล้านคน จะต้องฉีดถึง 66 ล้านโดส ถ้าเริ่มฉีดเดือนมิถุนายนจนถึงปลายปีนี้ จะต้องฉีดเดือนละ 9.4 ล้านโดส หรือวันละ 313,000 โดส ถ้าคิดว่าวันหนึ่งฉีดได้ 12 ชั่วโมง คือชั่วโมงละ 26,000 โดส เพราะฉะนั้น การฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดภายในสิ้นปีนี้ เป็นงานที่ท้าทายระบบสาธารณสุขทั่วโลก จากสถิติอัตราการฉีดวัคซีนในช่วงที่ผ่านมา อิสราเอลทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ คือ 2 ล้านโดส ใน 3 สัปดาห์ (หรือ 2.6 ล้านโดสต่อเดือน) ส่วนสหรัฐ ฉีดได้ 10 ล้านโด๊สในเดือนแรก อังกฤษทำได้ 2 ล้านโดส เช่นกัน” นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มดำเนินการวางแผนงานการฉีดวัคชีนตั้งแต่ตอนนี้เป็นการเร่งด่วน เนื่องจากจำเป็นต้องมีการวางแผนการกระจาย การจัดส่งวัคซีน การรักษาความปลอดภัย ตลอดจนต้องตั้งศูนย์ฉีดวัคซีน เตรียมอุปกรณ์บุคลากร คือหมอและพยาบาล มีการลงทะเบียน การสอบถามอาการหลังฉีด ต้องจัดเตรียมสถานที่ฉีด และพักหลังการฉีด 15-30 นาที รวมทั้งการประเมินผล ไปจนถึงการติดตามให้มาฉีดโด๊สที่สอง ยังมีการเก็บข้อมูลของคนที่ฉีด และชนิดของวัคซีน

จะเห็นว่าแผนการกระจายวัคซีนจึงมีความสำคัญมาก เป็นผลที่จะทำให้การฉีดวัคซีนได้ผลมากหรือน้อย และไม่เกิดความสูญเสียโดยไม่จำเป็น ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการ “แบบรวมศูนย์” เพื่อที่ว่า เมื่อได้วัคซีนมาจะได้เริ่มฉีดได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นที่สุด

สุดท้ายนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการจัดหาวัคซีนและมีแผนฉีดวัคซีน ที่จะทำให้เกิดผลในการป้องกันการระบาดได้ โดยวัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชน จะต้องได้ผลป้องกันโควิดได้ และปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งจะทำให้เราสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เปิดประเทศได้โดยเร็วที่สุด ขอบคุณครับ #รวมไทยสร้างชาติ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย